อุบลราชธานี: 31 Jan – 2 Feb 2013
ผลพวงจากการจอง Air Asia ข้ามปีทำให้ได้ไปเที่ยวทริปนี้ด้วยราคา 2 คน 300 บาท! ไอ้ตอนนั้นก็จองๆไปแบบว่าถึงไม่ได้ไปก็ไม่ค่อยเสียดาย ก็ถูกซะขนาดนี้อ่ะนะ … แต่สุดท้ายเมื่อมันเป็นเรื่องเที่ยว ยังไงก็ต้องไป 555++ แถมทริปนี้ไม่ซื้อโหลดกระเป๋าด้วย ถือขึ้นเครื่องกันเองอีกตะหาก สรุปค่าเครื่องบินไปกลับนี่ราคาเท่านั่ง taxi ไปสุวรรณภูมิเที่ยวเดียวเลยอ่ะ ^^”
31 Jan 2013
นั่งเครื่องไปลงสนามบินอุบลฯประมาณ 9 โมงเช้า ไปติดต่อรับรถเช่าของ Avis ที่จองออนไลน์มา … เดินออกมาจะมีเจ้าหน้าที่มาถือป้ายรอ เพราะ Avis ไม่มี counter อยู่ในสนามบิน จองรถไป 3 วันราคา 2400 บาทถ้วนๆ ได้เป็น vios สีขาวมาขับ เป้าหมายแรกคือร้านสามชัยกาแฟ ร้านอาหารเช้าขึ้นชื่อเมืองอุบลฯ สั่งมาหลายๆอย่างลองชิมดู ถ้าให้บอกอาหารที่โอเคที่สุดคือไข่กระทะของขึ้นชื่อของร้านนี้ (แต่ก็ยังไม่ถึงกับว๊าวนะ) รองลงมาคงจะเป็นก๋วยจั๊บ ส่วนโจ๊ก, ปาท่องโก๋, กาแฟร้อน ออกแนวธรรมดาๆมาก แต่ค่าอาหารถูกมาก กินหมดนั่นจ่ายไป 135 บาทเองอ่ะ O_o! อ่ะอ่ะ มันไม่แพง งั้นถือว่าอร่อยแล้วกัน …
อิ่มแล้วขับลุยยาวโลด เป้าหมายต่อไป = สามพันโบก ที่เป็น unseen Thailand! เนฯทำการวิเคราะห์เวลา + เส้นทางมาอย่างดี ระยะทางจากในเมืองมาถึง สามพันโบกราวๆ 120 km ไปถึงประมาณเกือบเที่ยง แดดกำลังแรงตรงหัวเป๊ะๆ เดินเล่นในโบกกำลังได้อารมณ์ ^^” ก่อนมาได้อ่านกระทู้รีวิวหลายกระทู้บอกว่าถ้ามาถึงจะมีไกด์ตัวน้อยมาคอยอาสานำทาง แต่ตอนเราไปถึงไม่เห็นจะมีเลย (สงสัยเพราะไปถึงวันพฤหัส ไกด์ไปเรียนหนังสือกันอยู่มั๊ง) เลยเอาวะ เดินดุ่มๆลงไปเดินเล่นเองก็ได้ … แต่ แต่ แต่ … โบกมันใหญ่นะ แล้วเราจะหาโบก mickey, โบกหัวใจ, โบกนู่นนี่นั่นเจอได้งายฟระ … ก็พอดีเดินไปจนถึงตรงแม่น้ำเห็นลุงคนนึงกำลังจะทอดแพจับปลา เลยถามว่าแกรู้จักโบกพวกนั้นไหม จ้างร้อยนึงพาเดินไปดูหน่อยได้ป่าว แกก็โอเคทันที เลยได้เก็บภาพโบกดังๆมาจนครบจนได้ ^^
ออกจากโบกก่อนบ่ายโมง ที่หมายต่อไปคือน้ำตกทั้งหลายที่จะเป็นทางผ่านไปผาแต้ม … แต่ว่านะ การขับรถที่อุบลฯนี่ป้ายสถานที่ท่องเที่ยวมันไม่ค่อยสะดุดตาเอาซะเลย ทำให้ขับรถเลยไปเป็นสิบๆกิโล ขับไปขับมากว่าจะมาถึงน้ำตกแรกคือน้ำตกแสงจันทร์(หรืออีกชื่อคือน้ำตกลงรู)ที่เป็น unseen Thailand ก็ 14:30 แล้ว ทั้งๆที่ห่างจากสามพันโบกประมาณแค่ 50 km เองนะ แต่ถนนที่ขับมาก็ไม่ค่อยดีด้วย มีหลุมๆรูๆมาเรื่อยๆเลยทำให้ทำสปีดไม่ค่อยได้ ถ้าขับตอนกลางคืนคงแย่อยู่ … แต่อะไรๆก็ไม่แย่เท่าที่ไปถึงแล้วน้ำตกไม่มีน้ำเลย!!?!?!?! อารายฟระ นี่ยังไม่หน้าแล้งเลยนะ T_T เอาเป็นว่าได้มาถึงแล้วละกัน ส่วนความสวยงามคงต้องไปจินตนาการเอาเองละ … ว่าแต่ดูจากรูปแล้วเหมือน … เหมือนกันเนอะ XD
ไปต่ออีกนิดเดียวก็เจอเป้าหมายต่อไปที่เป็นอีก 1 unseen Thailand คือน้ำตกทุ่งนาเมืองกับเถาวัลย์ยักษ์ที่ไม่ได้คาดหวังแล้วเพราะก็คงไม่มีน้ำเหมือนน้ำตกแรก แต่เอาน่า เพราะจุดขายอีกอย่างของที่นี่คือเถาวัลย์ยักษ์ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆอ่ะคือน้ำตกไม่มีน้ำ ก็เลยได้แต่ปีนถ่ายรูปกับเถาวัลย์อย่างเดียว -__-‘
จริงๆเริ่มหิวกันตั้งแต่ก่อนดูน้ำตกแล้ว แต่ขอบอกว่าแถวนี้ไม่มีร้านอาหารเลย แนะนำคนที่จะมาเที่ยวยาวแถวนี้เตรียมเสบียงรองท้องมาด้วยก็จะดี เพราะร้านอาหารที่อ่านมาในเว็บว่าน่าจะพอโอเคแถบนี้ปิดกันหมด (ไม่รู้ว่าเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์หรือเปล่า หรือเพราะตอนนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว?) เลยต้องขับรถกันยาวไปจนถึงโขงเจียมเพื่อไปหาอะไรกินก่อน (จริงๆเราจะต้องผ่านผาแต้มก่อนนะ แต่อารมณ์นั้นหิวแล้ว เลยต้องขอขับเลยไปหาของกินเพิ่มพลังกันก่อน) เป้าหมายคือแพอารยา ที่เป็นร้านอาหาร 1 ในลิสต์ที่ได้มาจากเว็บต่างๆ ไปถึงไม่มีคนเลย สั่งเมนูประเดิมไปสัก 4 อย่างมี ต้มยำปลาคัง, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, ยำหมูยอ, กะเพราหมูสับไข่ดาวราดข้าว … ไม่อร่อยเลยอ่ะ มีกระเพราที่พอกินได้ แต่ข้าวมาอย่างแข็ง สรุปกินเหลือกันบาน เอาวะ พอประทังหิวไปก่อน -_-!
กินเสร็จเดินต่อไปอีกหน่อยจะเป็นทางไปจุดชมวิวดูแม่น้ำสองสี … แต่ก็นะ เพ่งเท่าไหร่ๆมันก็ไม่เห็นเป็นสองสีเลยอ่ะ T-T … ปลอบตัวเองเหมือนเดิมว่า เอาวะ ถือว่ามาถึงแล้วละกัน ……….
เกือบจะห้าโมงละออกเดินทางทำเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกไปผาแต้มกัน (ห่างกันประมาณไม่ถึง 20 km) เพราะถ้าทำเวลาไม่ทันล่ะก็ วันรุ่งขึ้นต้องขับรถจากในเมืองกลับมาอีกทียาวเลย บึ่งรถใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที เสียค่าขึ้นอุทยาน 2 คน + รถ 1 คัน = 110 บาท … แวะถ่ายรูปเสาเฉลียงกันก่อน เพราะกะว่าถ้าลงมาจากผาแต้มแล้วคงมืดเรียบร้อยไม่ได้ถ่ายแน่ๆ
ใช้เวลาถ่ายรูปอยู่ประมาณ 10 นาทีก็ไปกันต่อได้ (สมเป็นชะแว้บทัวร์จริงๆ) ขึ้นไปถึงผาแต้มพระอาทิตย์ยังไม่ตก แต่ไม่มีรถ ไม่มีคนเลยแฮะ ดูเปล่าเปลี่ยวเอกามากๆ O_o แต่ก็เอาวะ มาถึงแล้ว เดินลงหน้าผาไปดูภาพเขียนสีกันเลย จริงๆถ้าเดินวนรอบระยะทางทั้งหมดจะราวๆ 3กิโลฯกว่าๆ แต่ตอนที่ไปมันจะเริ่มมืดแล้ว เลยขอเดินไปจนถึงภาพเขียนสีจุดที่ 2 พอ จุดแรกนี่ผ่านไปเลยคือดูไม่ออกเลยว่าเป็นรูปวาด ส่วนสุดที่สองจะค่อนข้างชัดเจน ระยะทางเดินจนถึงจุดที่สองก็ราวๆ 800 เมตร ไป-กลับก็ 1.6 km ได้
ตอนเดินกลับก็ค่อนข้างชันอยู่เพราะต้องปีนบันไดกลับขึ้นมา พอขึ้นมาถึงพระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยตกไปแล้ว เลยถ่ายรูปออกมาได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ … สรุปกันว่าไม่ค่อยมีอะไรอ่ะที่นี่ แถมดูไม่ค่อยมี security ด้วย เพราะหน้าผาค่อนข้างชัน และไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเลย ถ้าตกไปนี่ใครจะรู้ล่ะเนี่ยะ -_-”
ออกจากผาแต้มแล้วก็บึ่งกลับตัวเมืองอุบลฯกันยาวๆเลย ระยะทางก็ประมาณ 95 km ขับรถตอนกลางคืนที่นี่ยากอยู่นะ เพราะไม่มีไฟถนนเลย แถมรถที่ขับสวนกันส่วนใหญ่จะเปิดไฟสูง เพราะมองทางไม่ค่อยเห็นเหมือนกัน แถมถนนบางช่วงก็เป็นหลุมๆอีกตะหาก ใช้เวลาไปราวๆ 1:45 ชมกว่าจะถึง ณ เวลานั้นยังไม่หิวอาหารคาว แต่อยากกินของหวานมากกว่า สงสัยเพราะเสียพลังงานมาทั้งวัน ทั้งตากแดดที่สามพันโบก ปีนเถาวัลย์ ปีนผา เป้าหมายมือเย็นเลยกลายเป็นร้านเล็กนมสด ไปโดยปริยาย ด้วยความต้องการอินซูลินขั้นหนักเลยจัดกันไปเต็มๆเลย โดยเริ่มจากของกินเล่นนิดหน่อยพวกลูกชิ้นปิ้ง หนมจีบ ซาลาเปาอย่างละนิดพอเป็นพิธี … หลังจากนั้นก็ … อย่างที่เห็นทั้งน้ำ ทั้งหนมปัง … อยากบอกว่าสังขยาที่นี่อร่อยมาก กินแล้วติดใจจริงๆ แนะนำเลย ส่วนไมโลดิบปั่นก็อร่อยไม่แพ้กัน กินแล้วสดชื่นมากๆ ยิ่งกินกับ topping โกโก้ครันช์ & cornflake ด้วยแล้วยิ่งอยากเบิ้ล แต่ต้องห้ามใจไว้ ไม่งั้นพุงต้องหลามมากๆแน่ๆ เพราะแค่ขนมปังนั่นก็แย่ละ ^^”
อิ่มอ้วนถ้วนหน้า ก็กลับโรงแรมได้ ครั้งนี้เลือกโรงแรม เป็น-ตา-ฮัก (pentahug) พอดีเห็นหลายครั้งใน blueplanet ราคาไม่แพง และยังใหม่ๆอยู่ เปิ้ลจอง deluxe 2 คืน รวมอาหารเช้า + free full mini bar = 2400 บาทถ้วนๆ โรงแรมจะเข้าไปในซอยหน่อย แต่หน้าซอยมี 7-11 และท้ายซอยมี Tesco ค่อนข้างคึกคักพอสมควร ข้อเสียของโรงแรมนี้สำหรับเรามีหลักๆเลย 2 ข้อ คือ 1. ห้องไม่เก็บเสียง เวลานอนตอนดึกๆก็ได้ยินเสียงเปิด-ปิดประตู คนเดินไปเดินมาตลอด 2. ปลั๊กไฟที่จะใช้เสียบชาร์จต่างๆในห้องมีแค่ 1 จุด ถ้าจะมาพักที่นี่อีกก็เอาพวกปลั๊ก 3 ตามาด้วย จะได้ไม่เซ็ง ส่วนข้อดี คือ 1. ค่อนข้างใหม่ 2. ไม่แพง 3. ใกล้ร้านสะดวกซื้อ 4. น้ำไหลแรง อาบแล้วสะใจดี 5. มีอาหารเช้าให้ แต่บอกไม่ได้ว่าอร่อยไหม เพราะไม่เคยตื่นไปกินเลย 555++
1 Feb 2013
วันนี้ตื่นมาก็จะ 11 โมงแล้ว อาหารเช้าไม่ต้องพูดถึง ข้ามไปซะ ประเดิมมื้อแรกด้วยอาหารเวียดนามในลิสต์ก่อนเลยที่ร้านกอล์ฟเฟอร์เฮ้าส์ เดี๋ยวนี้การหาสถานที่ต่างๆทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก มีแค่มือถือที่มี GPS ก็สบายแล้ว ไม่ต้อง print แผนที่ หรือกางแผนที่มาคอยดูกันทีละมุมถนน ขอแค่มีสัญญาณโทรศัพท์เป็นพอ ^^
มาถึงร้านตอนเกือบๆเที่ยง ด้วยความหิวเลยจัดกันไปเต็มๆทั้งแหนมเนือง, ขนมเหนียว, ก๋วยจั๊บญวณ, หมูยอทอด, ปอเปี๊ยะทอด! โดยที่ไม่รู้หรอกว่าขนาดมันจะมาแบบใหญ่ๆกันเลย เหอๆๆ … แถมรสชาติก็ถือว่าธรรมดาๆ หากินได้ทั่วไปในกทม. แต่ต้องบอกว่าก๋วยจั๊บร้านนี้ก็ใช้ได้อยู่ สมกับที่เค้าว่ามาอุบลฯต้องกินก๋วยจั๊บ เพราะว่ากินมาสองร้านแล้ว รสชาติดีทั้งสองร้าน นี่ขนาดไม่ได้ไปกินร้านดังๆยังอร่อยใช้ได้เลย … สรุปก็กินไม่หมดหรอก เหลือห่อไป กินหมดนี่ราคาเกือบๆ 500 ถือว่าราคากลางๆ ไม่ถูก ไม่แพง
โปรแกรมวันนี้ของเราส่วนใหญ่จะเน้นๆวัดซะมาก วัดแรกที่คุณนายเปิ้ลรีเควสเลยก็คือวัดปากน้ำ บุ่งสระพัง เพื่อไปกราบขอพรหลวงพ่อเงิน บอกว่าจะได้มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา ออกจากตัวเมืองไปไม่ไกลเท่าไหร่แค่ราวๆ 12 km เท่านั้น ขับรถแป๊บๆก็ถึงละ กราบขอพรเสร็จเลยขอเสี่ยงเซียมซีด้วย ได้ใบนี้โอเคเลย ประมาณว่าที่หวังน่ะช้าหน่อยแต่ได้น่าาาาา ^^
ต่อด้วยวัดที่ 2 คือ วัดภูเขาแก้ว ขับรถต่อไปอีกประมาณ 30 km อยู่ในตัวเมืองพิบูลมังสาหาร โดยจุดเด่นของที่นี่คือพระอุโบสถทำด้วยกระเบื้องเคลือบทั้งหลัง สวยมาก
หลังจากนั้นก็แวะไปเที่ยวแก่งสะพือที่อยู่ใกล้มาก ขับรถไปไม่ถึง 5 นาที … แต่ก็เหมือนเดิม น้ำน้อยมาก … ถือว่ามาถึงแล้วๆๆๆ (บอกตัวเอง T_T)
ขับรถต่อไปอีกประมาณไม่ถึง 10 km ต่อด้วยวัดที่ 3 คือ วัดดอนธาตุ เป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ใช้บำเพ็ญ เจริญวิปัสนา ตัววัดตั้งอยู่บนเกาะกลางลำน้ำมูล เวลาจะไปต้องข้ามเรือไป แต่ใช้เวลาแค่ 2 นาที เพราะแม่น้ำไม่ได้กว้างมาก ราวๆ 100 เมตรได้ คนขับเรือก็ไม่ได้คิดค่าเรือนะ แต่จะให้เป็นสินน้ำใจก็ได้ไม่ว่ากัน .. ตัววัดดูมีความสงบ ร่มรื่นดีมาก คนที่ชอบปฏิบัติธรรมกับธรรมชาติน่าจะชอบ
จบจากวัดดอนธาตุแล้วก็หมดมุขละ เลยขับรถไปถ่ายรูปกับเขื่อนสิรินธรเล่นๆดีกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขับรถจากวัดไปอีกเกือบๆ 40 km ได้ ก็โอเค ไม่ไกลมาก ถนนก็ไม่แย่ แต่ไปถึงแล้วก็แบบว่า เอ่ออ … ไม่เห็นมีอาราย เรามานี่เพื่อ check-in กับแวะเข้าห้องน้ำใช่ม๊ายยย ^^”
เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขับต่อไปให้ถึงชายแดนช่องเม็กละกันขับไปอีกราว 15 km เอง เผื่อจะข้ามแดนทันไปส่องๆฝั่งลาวซะหน่อย … แต่ไปถึงตอนห้าโมงหน่อยๆละ แบบว่ายังข้ามไปฝั่งลาวได้นะ เพราะเค้าเปิดให้ข้ามได้ถึงสองทุ่ม แต่ว่าเราต้องทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวก่อนซึ่งที่ทำการปิด 16:30 เพราะไม่ได้เอา passport มา … สรุปว่าอด! อ่าๆๆๆ ช่างมันละกัน ถือว่ามา check-in กับดูบรรยากาศ .. (positive thinking always help steady your mood for the rest of the trip ^^)
ออกจากชายแดนแล้วประมาณคุยเพลิน หลงทางไปเจอทางลูกรัง แต่มองไปข้างหน้าแล้วเห็นเหมือนเป็นแม่น้ำ หรือปากอ่าว ดูสวย พอดีกับพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเลยขับไปดูซะหน่อย ถามๆชาวบ้านที่เล่นน้ำอยู่ บอกว่าที่ตรงนี้เคยเป็นหมู่บ้าน แต่ตอนนี้หมู่บ้านจมอยู่ในน้ำ และที่เห็นอยู่ตรงหน้านี่คือเขื่อนสิรินธรนั่นเอง น่าสงสารชาวบ้านอ่ะ แต่วิวตอนพระอาทิตย์ตกตรงนี้ก็สวยจริงๆนะ
ออกจากที่นี่ยิงยาวกลับตัวเมืองอุบลฯกันเลย เป้าหมายคืนนี้คือไปหาของกินแถวตลาดโต้รุ่งทุ่งศรีเมือง กับเดินเล่นถนนคนเดิน เอาบรรยากาศซะหน่อย … เออมันต้องอย่างนี้เส่ะ เริ่มประเดิมด้วยก๋วยเตี๋ยวมิตรสัมพันธ์ อยู่ติดถนนระหว่างตลาดโต้รุ่งกับถนนคนเดินนั่นแหล่ะ ร้านนี้อยู่ในลิสต์ด้วย อร่อยดี ไม่ผิดหวัง … ต่อด้วยขนมตบท้ายกันในตลาด ลองชิมๆทั้งข้าวเหนียวสังขยา ขนมรังผึ้ง แต่ทีเด็ดคือแปะก้วยน้ำเต้าหู้อร่อยมาก! ถึงกับต้องกลับมาอีกรอบวันรุ่งขึ้นกันเลยเชียว … บรรยากาศถนนคนเดินก็โอเคนะ เดินย่อยเพลินๆกันได้สบาย 🙂
ออกจากนี่ยังไม่สาแก่ใจ ขอไปลองร้านนมอีกสักร้าน เคยได้ยินในเว็บบอกว่าชื่อร้าน The best farm มีเมนูนมซ่าน่าสนใจ ไปถึงลองสั่งนมสดเย็นกับนมซ่า (นม+sprite) .. ไม่ผ่านอ่ะ กินไปนิดเดียวเลิกกิน คาใจไม่ฟินเลยต้องขับรถไปต่อเล็กนมสดกันอีก 2 เมนูคือ ม็อคค่าปั่น กับ นมปั่นคาราเมล อร่อยทั้งคู่ … พอใจละ … กลับโรงแรมนอนได้ ^^
เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย สงสัยเพราะม็อคค่าปั่นเมื่อคืนทำเอาตาค้าง แถมยังได้ยินเสียงห้องข้างนอกเปิดๆปิดๆประตูทั้งคืน แย่จริงๆที่ห้องไม่กันเสียงจากด้านนอกเอาซะเลย -_- วันนี้เลยจะสโล๋สเล๋กว่าเมื่อวานแห่ะๆ เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมก็เที่ยงครึ่งแล้ว หิวได้ที่กันเลย ตัดสินใจว่าขอไปลองเวียดนามอีกสักร้านละกัน หลังจากเมื่อวานนี้ไม่ฟินกับแหนมเนืองร้านกอล์ฟเฟอร์เอาซะเลย … วันนี้เลยเลือกจะไปร้านสบายใจ (อยู่แถวๆเล็กนมสดน่ะแหล่ะ) เป็นร้านห้องแถวดูบ้านๆหน่อย แต่เลือกเพราะคิดว่าไอ้อะไรที่บ้านๆนี่แหล่ะ น่าจะโดนกว่าร้านใหญ่ๆดังๆ
แล้วจริงนะ อาหารที่สั่งมาวันนี้ถูกใจกว่าที่กินร้านกอล์ฟเฟอร์เมื่อวาน แถมราคาถูกกว่าครึ่ง! แต่สงสัยคงต้อง confirm ว่าแหนมเนืองเมืองอุบลฯนี่เพลนๆมาก แต่อย่างอื่นๆอร่อยอยู่นะ สรุปเอาว่าร้านสบายใจนี่โอเคเลย ทั้งรสชาติและราคา กลับมาคราวหน้าคงต้องมาซ้ำอีกแน่ๆ แถมอยู่ข้างเล็กนมสดซะด้วย มาทีต้องมาสองร้านกันเลย ^^
กินอิ่มเรียบร้อย แวะไปซื้อของฝากกันที่ร้านดาวทอง เลือกร้านนี้เพราะเห็นรีวิวในเว็บกันเยอะ ว่าของฝากซื้อร้านนี้กัน … ซื้อเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวกันต่อได้ … โปรแกรมวันนี้กะเก็บวัดรอบๆเมือง เพราะไปสนามบินขึ้นเครื่องก็ตั้งทุ่มนึงแหน่ะ วัดแรกของวันนี้ (วัดที่ 4 ของทริป) คือวัดทุ่งศรีเมือง อยู่ในตัวเมือง ห่างจากร้านดาวทองที่ไปซื้อของฝากแค่กิโลกว่าๆเอง จุดเด่นของที่นี่คือหอไตร ที่สร้างอยู่กลางน้ำ
ต่อด้วยวัดศรีอุบลรัตนาราม ที่อยู่ห่างไปอีกนิดเดียว วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม พระพุทธรูปคู่บ้านเมือง ที่มีมาก่อนตั้งเมืองอุบลราชธานีด้วย
ต่อกันเลย วัดที่ 6 — วัดหนองป่าพง วัดป่าที่เป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่สร้างขึ้นโดยหลวงปู่ชา สุภทโท ภายในวัดเงียบสงบ ร่มรื่นมากๆ มีความเป็นธรรมชาติ กว้างใหญ่ ตอนที่เดินอยู่ในนั้นยังมีความรู้สึกสงบเลย ชอบบรรยากาศแบบนี้มาก มันทำให้ใจสงบได้โดยไม่จำเป็นต้องทำสมาธิอะไรเพิ่มเติมเลย … จากด้านหน้าเดินเข้ามาเจดีย์ที่บรรจุอัฐิหลวงปู่ชา ก็น่าจะราวๆ 500 เมตรได้ แต่เดินได้ไม่เบื่อเพราะอย่างที่บอกว่ามีความร่มรื่นมาก แถมระหว่างทางยังมีป้ายคำสอนของหลวงปู่ให้อ่านเป็นระยะๆด้วย
ออกจากวัดหนองป่าพงขับกลับเข้าไปในเมือง ไปจบกันที่วัดสุดท้ายของทริปนี้ คือ วัดพระธาตุหนองบัว วัดนี้สวยมาก จุดเด่นเลยคือพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ที่ใช้เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตอนถ่ายรูปต้องใช้ความพยายามมากที่จะถ่ายให้ได้ครบทั้งหมด เพราะเจดีย์สูงมาก แต่ก็ไม่พ้นความพยายามนะ ฮี่ๆๆ XD
ออกจากวัดก็เริ่มเย็นหน่อยๆละ แวะไปลองเดินเล่นที่ Ubon Square ดูว่ามีอะไรบ้าง ก็จะมีร้านค้าเยอะแยะ มาเดินเล่น ฆ่าเวลาที่นี่ก่อนจะไปจบลงที่ตลาดโต้รุ่งทุ่งศรีเมือง ที่เปิ้ลรีเควสอยากกลับไปกินแปะก้วยน้ำเต้าหู้อีกสักครั้ง ไอ้เราใจดีก็จัดให้ .. แต่ก่อนกินของหวานก็แวะตบของคาวซะหน่อยด้วย หยวน steak ร้านติดถนนแถวๆนั้นแหล่ะ เห็นคนกินเยอะน่าจะมีอะไรดี สุดท้ายลงความเห็นว่าไม่โดน! แบบว่าน้ำราดมันยังไงๆอยู่นะ ราดมาชุ่มเกิ๊นแถมรสชาติเหมือนซอสเปรี้ยวหวานแฮะ ^^” เอาน่าแต่ก็ยังได้ตบท้ายแปะก้วยน้ำเต้าหู้ (ที่คิวยาวมั่กๆๆๆ) สมใจล่ะนะ
กินเสร็จอิ่มหนำ ก็บึ่งรถไปสนามบินกันเลย … ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะ GPS พาเข้าซอย เปลี่ยวๆแคบๆ วนไปวนมา นึกว่าหลงทาง จะตกเครื่องมั๊ยตรู … สุดท้ายก็พาออกไปสนามบินทันเวลาจนได้ … แต่ยังๆๆๆตอนเอารถไปคืนกลับเจอว่าฝาครอบล้อหายไปข้าง! เวงกรรม สงสัยจะหลุดตอนพาไปเที่ยวนอกเมืองเจอหลุมๆบ่อๆตลอดทาง สรุปเสียค่าฝาครอบล้อเพิ่มไปอีกพันนึง … เอาวะปลอบใจตัวเองว่ายังดีแค่พันเดียว (positive thinking แมะ) ^^”
สุดท้ายอยากบอกว่าทริปอุบลฯนี้ไม่ได้มีอะไรประทับใจเป็นพิเศษ อาหารก็จัดว่าธรรมดาๆ จังหวัดอื่นๆมีร้านอาหารที่น่าประทับใจมากกว่า ที่เที่ยวก็ไม่ค่อยโดนมาก ไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจ ถามว่าจะให้กลับไปอีกไหม ต้องบอกว่าเลือกไปเที่ยวที่อื่นก่อนดีกว่า (แต่ถ้าได้ไปฟรีก็ไปนะ ไม่ได้ anti อะไร อิ อิ อิ XD)
Leave a Reply