ติดใจจากทริปฮ่องกงปีที่แล้วอย่างมาก เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมาอีกจากโปรฯของ Air Asia เหมือนอีกหลายๆทริปในปีนี้ ทริปนี้เราจองล่วงหน้าตั้งแต่ต้นปี 2 คน  ไป-กลับราคาประมาณ 9 พันนิดๆ แต่ซื้อโหลดกระเป๋าขากลับ 15kg*2 เลยรวมแล้วราวๆหมื่นนึง ก็ถือว่าเป็นราคาที่โอเคเลย ปกติถ้าไปฮ่องกงด้วย Hong Kong Airline ก็จะเฉลี่ยคนละประมาณ 9 พัน แต่มีอาหารเสิร์ฟบนเครื่องพร้อมโหลดกระเป๋าได้ เพราะงั้นก็ประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินไปได้ประมาณ 8,000 บาท แต่ข้อเสียคือต้องจองล่วงหน้านานมากๆ ^^”  เลือกไปพุธ-เสาร์ เพราะนอกจากได้โปรฯดีแล้วก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไปวันธรรมดา เพราะทริปนี้จะไปดิสนีย์แลนด์ด้วย ไม่อยากไปวันเสาร์-อาทิตย์แล้วต้องเจอคนเป็นหนอน แต่ที่โหดคือ Flight เช้าของ Air Asia เครื่องออก 6:35am เพราะงั้นต้องตื่นตีสี่!!! แต่ก็เอาวะ ไปเที่ยวๆๆๆไม่ได้ตื่นไปทำงาน (บอกตัวเอง)

11 Sept 2013

ไปถึงสนามบินก่อนตีห้านิดหน่อย ขาไปไม่ได้ load กระเป๋า & ทำ web check-in มาเรียบร้อยแล้ว ก็รับเอกสารจากจนท.ของ Air Asia มากรอกสำหรับเอาไปยื่นกับตม.แล้วเข้าไปข้างในได้เลย (หรือจะเดินเข้าไปในส่วนของ immigration ก่อนก็ได้ ตรงนั้นก็จะมี counter ที่วางแบบฟอร์มไว้ให้กรอกได้อยู่) เช้าๆแบบนี้คิวไม่ค่อยมี แป๊บๆก็ผ่านเข้าไปได้เรียบร้อย ส่วนมื้อเช้าคิดไว้อยู่แล้วว่าเช้านี้จะต้องมากินอาหารเช้าของ Mc Donald ให้ได้ เพราะปกติก็อยากกินแต่ไม่มีโอกาสจะได้กินเลย ดีที่ Mc เปิดตั้งแต่เช้านะ เราไปถึงที่ร้านตอน 5:20am ก็เปิดแล้ว เดาว่าน่าจะเปิดตั้งแต่ตี 5 (มั๊ง) ฝั่ง Inter นี่นอกจากจะมี Mc แล้วยังมี S&P, Fuji, Piri Piri, Black Canyon, Starbucks ด้วย มาเช้าๆไม่ต้องกลัวหิวเลยแหล่ะ

สั่งชุด Sausage Mc Muffin with Egg & Bacon Mc Muffin with Egg ตัว Bacon Mc Muffin จะไม่ได้เป็น Bacon แบบที่เข้าใจ แต่จะเป็นเหมือนแฮมมากกว่า ก็อร่อยไปอีกแบบนะ น้ำที่มากับในเซ็ตเราเลือกกาแฟเป็นลาเต้ ส่วนของเปิ้ลเลือกเป็น Coke Zero ไป ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนเป็นน้ำส้ม แต่พอดีไม่มีนะ เลยเปลี่ยนเป็น Coke Zero ไปแทน เวลากินก็กัด Muffin คำนึง กิน Hash Brown ไปด้วยคำนึง อร่อยฟินมาก … แต่ทำไมรู้สึกว่าขนาดของ Muffin มันเล็กจังแฮะ กินไม่กี่คำหมดแระ 555++

Mc Donald

กินเสร็จไปนั่งรอที่หน้าเกทไม่นานหรอกก็ขึ้นเครื่องแล้ว ใช้เวลาประมาณ 2:30 ชม. อ่าน Death Note ไปได้ประมาณครึ่งเล่มก็ถึง ไม่ได้หลับต่อบนเครื่องอย่างที่ตั้งใจเลยแฮะ ^^”

ถึงสนามบินฮ่องกงไลน์ตม.เค้าก็ยาวเหมือนเดิม แต่คิวก็เคลียร์ได้เร็วมากเหมือนเดิม เดินออกมาไปแวะซื้อบัตร Octopus ก่อนเลย ตรงนี้แหล่ะที่รอนานหน่อย ซื้อบัตรมาราคา 200HKD (มัดจำ 50 + เงินในการ์ด 150)  เอาไปใช้ขึ้นรถบัส & MTR ซื้อบัตรเสร็จก็แพลนเปลี่ยนตรงหน้าเลยว่ายังเช้าๆอยู่แบบนี้ไปแวะเดินเล่น City Gate Outlet ก่อนเลยดีกว่า เพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินอยู่แล้ว เพราะถึงไปโรงแรมตอนนี้ก็ยัง Check-in ไม่ได้อยู่ดี ได้บัตร Octopus แล้วก็เดินตามป้ายในสนามบินที่เขียนว่า “To City” ไปขึ้นรถสาย S1 ไป City Gate โลด ไม่ต้องห่วงว่าจะลงไม่ถูกเพราะ City Gate จะอยู่สุดสาย คนลงกันหมดอยู่แล้ว

HKAirport

พอรอจอดพวกเราก็ขนกระเป๋าลากเข้า Outlet กันไปเลย เพราะที่นี่มีที่ฝากกระเป๋าอยู่ชั้นใต้ดินอยู่ วิธีใช้ก็ตามลิงค์นี้ แต่ตอนที่ไปเค้ามีจนท.คอยช่วยดูอยู่ด้วย ไม่ยากๆ ฝากกระเป๋าแล้วก็ไปเดินเล่นดูว่ามีอะไรน่าสนใจมั่ง Shop ที่นี่หลักๆก็มี New Balance, Nike, Adidas, Puma, Coach, Giordano, Esprit, Polo (เฉพาะเท่าที่เราพอจะรู้จักอ่ะนะ ^^”) แต่เดินๆดูแล้วก็ไม่มีอะไรน่าโดน เดินอยู่ไม่นานก็ออกดีกว่า ไปเช็คอินหาอะไรกินแถวโรงแรมเลยละกัน

Abb@CityGate

จาก City Gate Outlet ก็นั่ง MTR สายสีส้ม จากสถานี Tung Chung ที่อยู่หน้า Outlet เลย มาลงสถานี Lai King เพื่อเปลี่ยนเป็นสายสีแดงไปลงสถานี Jordan Exit B1 ออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายจิ๊ดนึงจะเจอถนน Nathan ก็เลี้ยวขวาเดินไปประมาณสัก 200 เมตรได้ ก็จะเจอถนน Saigon St. เลี้ยวขวาเข้าไป จะเห็นโรงแรมเลย ครั้งนี้พักที่ Novotel Nathan จองล่วงหน้ามากว่า 3 เดือน ได้เรทประมาณคืนละ 4 พันปลายๆ ช่วงหลังๆมาเช็คราคาอีกทีขึ้นไปเป็น 6 พันกว่าๆแล้ว ตอนดูรีวิวชอบโรงแรมนี้เลย เป็นสไตล์ห้องนอนแบบที่ชอบ รีวิว feedback ว่าบริการก็ดี ทำเลก็ดี มาลองเองก็ว่าดีจริงๆ ประทับใจเตียงนอน ที่นอนสบาย ดูดวิญญาณมากกกกกกกกก ส่วนขนาดของห้องก็ถือได้ว่าโอเคเลย ถ้าเทียบกับ Panorama ที่ไปพักครั้งที่แล้ว ที่นี่ใหญ่กว่า อยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด เวลามาฮ่องกงต้องทำใจกับขนาดของห้องหน่อย พื้นที่เค้าไม่ค่อยเยอะ เอาให้อยู่ได้แบบไม่อึดอัดก็พอแล้ว (และจริงๆก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ในโรงแรมกันเท่าไหร่หรอกนะ)

Novotel Nathan

เอาของไปเก็บบนห้องเรียบร้อยแล้วก็ไปหาไรกินก่อน ตอนนั้นก็บ่ายสาม (เวลาไทยก็บ่ายสอง) แล้ว หลังจาก Mc Donald ตอนเช้าแล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย ใกล้สุด ณ เวลานั้นคือร้าน  Choi Fook Royal Banquet ที่เป็น 1 ในลิสต์ร้านติ่มซำที่ลิสต์มา ร้านนี้อยู่ติดโรงแรมเลย ขึ้นลิฟท์ไปชั้นสองก็จะเจอเป็นเหมือนห้องจัดเลี้ยง ขนาดมาตอนบ่ายแก่ๆขนาดนี้ยังต้องรอคิวแป๊บนึงทั้งๆที่โต๊ะก็เยอะมาก ที่คนมากินช่วงเวลานี้เยอะจริงๆน่าจะเป็นเพราะที่นี่ (และหลายๆร้านติ่มซำในฮ่องกง) จะมีราคาติ่มซำไม่เท่ากันในแต่ละเวลาของวัน เวลาที่ราคาจะถูกเป็นพิเศษคือช่วงเช้า และช่วงบ่าย เว้นช่วงเที่ยงไว้ที่ราคาจะแพงสุด ไปถึงก็สั่งเมนูพื้นฐานมาก่อนเลย พวกขนมจีบ ฮะเก๋า ก๋วยเตี๋ยวหลอด ซาลาเปาหมูแดง ขนมผักกาด จริงๆที่ไม่สั่งเยอะเพราะตกลงกับเปิ้ลกันไว้ว่า ทริปนี้เราจะไม่กินให้อิ่มพุงแตกแบบที่ทำเป็นปกติ เพราะจะได้ลองหลายๆร้าน เพราะงั้นเลยจะสั่งเอาแค่ที่อยากชิม แล้วไปต่อร้านอื่นๆ กินแล้วสรุปว่าติ่มซำร้านนี้ก็อร่อยกว่าติ่มซำที่เมืองไทย แต่ยังไม่ถึงกับสุด ถ้าให้คะแนนคงจะให้ราวๆ 7.5/10 กินได้สบายๆไม่ขัดใจ รีวิวเพิ่มเติมดูได้ที่นี่

Choi Fook Royal Banquet

ออกมาแล้วเดินย่อยแถวโรงแรมแป๊บๆด้วยการเดินไปซื้อ Waffle Ball ของโปรดมากินตบอาหารคาวสักหน่อย พิกัดก็ไม่ยาก เดินเลียบถนน Nathan ไปเรื่อยๆมุ่งหน้าไปทางจิมซาจุ่ย เดินประมาณสัก 200 เมตรก็จะเจอร้านนี้อยู่ซ้ายมือเลย จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Police Station แต่กินแล้วเฉยๆแฮะ กลับชอบ Waffle Ball @Union Mall เมืองไทยมากกว่าเพราะที่นี่แป้งหนาไปหน่อย แถมของไทยใส่ไส้ได้ด้วย 555++

เดินผ่าน 7-11 ไม่ลืมว่าเคยติดใจ Coke Light Lemon ของที่นี่ เพราะงั้น 4 วันที่อยู่ที่ฮ่องกงนี่จัด Coke Light Lemon ทุกวัน ไม่มีขาด XD

WaffleBall&CokeLemon

ตกเย็นก็ไปที่ Avenue of Stars ไปเดินหาพิมพ์มือของเฉินหลงซะหน่อย (เพราะดาราฮ่องกงคนอื่นๆไม่ค่อยรู้จัก ^^”) พอ 2 ทุ่มก็จะเป็น Symphony of Light วันนี้ที่มาดูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดูอลังการมากเท่าครั้งที่แล้วแฮะ

AvenueOfStars

ดูเสร็จก็ไปหาของกินเล่นกันที่ Mongkok แก้เซ็ง เราชอบย่าน Mongkok นะ มันดูตลาดๆติดดินหน่อยๆ ของกินเพียบ คนละสไตล์กับย่านจิมซาจุ่ย อันนั้นจะเน้นพวก Brand Name เหมาะกับขา Shopping Brand ทั้งหลาย แต่เรานี่เน้นของกิน และที่ Mongkok นี่มันจะมีถนน Fa Yuen Street ที่เป็นถนนที่มีขายรองเท้ากีฬาทั้งแถบ, Lady Market (ขายของสไตล์สำเพ็ง คลองถม แม่สาย), Electronics & gadgets, ของกินเล่น, เสื้อผ้า brands หลักๆ (ที่เรารู้จัก) อย่าง Giordano/Bossini, Sasa/Bonjour, Baleno, G2000, etc สรุปชอบที่นี่ เดินเล่นแล้วมีสีสันดี

Mongkok

ของกินที่มาลองวันนี้ก็ตามรอยลุงเด้ง&ป้าไก่แห่ง HKFC เหมือนเดิม ขอบอกว่าอร่อยทุกอย่างตั้งแต่ ไก่ทอดร้าน hot-star (ชิ้นใหญ่เท่าหน้าคนกิน!) อันนี้ประทับใจมาก ไก่กรอบอร่อย มีรสเผ็ดๆจากผงที่โรยหน่อยๆทำให้ไม่เลี่ยน แบบกรอบนอกนุ่มใน, หมึก/ลูกชิ้นร้านหัวมุม, ชานมไข่มุกของ Gong cha, French Fries ร้าน hot.com, Soft Cream ร้าน Mobile Softee เจ้าดังที่ขายบนรถ Van, ตบด้วย Waffle Ball ร้านแถวๆนั้น เดินไปกินไปชอบมาก (ถึงเค้าจะบอกว่าคนฮ่องกงจะไม่เดินกินกัน แต่เราคนไทยอ่ะนะ :P) สรุปว่าจบวันแรกด้วยการกิน กลับโรงแรมประมาณห้าทุ่มกว่าๆ เตรียมนอนตุนแรงไปดิสนีย์แลนด์พรุ่งนี้ต่อดีกว่า

MongkokStreetFood

12 Sept 2013

อาหารเช้าของวันนี้ไม่ต้องคิดมากเลย เพราะเล็งไว้อยู่แล้วตั้งแต่ที่มาครั้งที่แล้ว คือร้าน Nathan Noodle & Congee ที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมเลย ห่างจากหน้าประตูไปประมาณ 10 ก้าว ใกล้สุดๆ แถมร้านนี้เข้าไปกินไม่ต้องห่วงว่าจะสั่งไม่ถูก เพราะมีเมนูภาษาไทยติดไว้ที่กำแพงด้วย คนเสิร์ฟพูดไทยได้บ้างอีกตะหาก เลยลองสั่งโจ๊กหมู-ปลา-กระเพาะ เป็นภาษาไทย ก็ทำมาให้ถูกต้อง เก่งมาก! 555++  แต่ปาท่องโก๋ร้านนี้ก็จริงอย่างที่อ่านๆรีวิวมาเลยนะ คือมันมาแบบเย็นๆเหนียวๆหน่อย การกินให้อร่อยคือต้องใส่มันลงไปในโจ๊กให้มันอ่อนตัวลงนิดๆแล้วจะอร่อยเลย 😀

NathanCongee

กินอิ่มเรียบร้อยเดินทางมุ่งหน้า Disneyland  นั่ง MTR สายสีแดงไปลง Lai King ต่อสายสีส้มไปลง Sunny Bay เสร็จแล้วต่อสายสีชมพูสถานีเดียวไป Disneyland  รถ MTR สาย Disneyland จะมีเอกลักษณ์มากคือการตกแต่งตัวรถไฟจะบ่งบอกความเป็น Disney จริงๆ ทั้งราวจับ ทั้งกระจกรถ รวมทั้งภายในตัวรถไฟที่มีรูปและประวัติของ Disney ติดประดับอยู่ด้วย แจ่มดีๆ ส่วนสถานี Disneyland นี่ตอนเห็นทำไมนึกถึงชานชลาใน Harry Potter ก็ไม่รู้แฮะ 555++

DisneylandMTR

ตอนไปถึงนีก็เกือบๆเที่ยงได้แล้ว แดดแรงจัดๆ เลือกเวลามาถึงได้แจ่มจริงๆเลยแฮะพวกเรา -_- แต่มาถึงขนาดนี้ไม่กลัวดำกันละ วันนี้คนน้อยบางตามาก คงเพราะเป็นวันพฤหัสฯไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์ เราซื้อตั๋วกันมาตั้งแต่เมืองไทยก็เดินผ่านเข้าช่องตรวจตั๋วไปได้เลย เข้าไปแล้วก็เอา map มาดูก่อนว่า show จะเริ่มกี่โมงยังไงบ้าง เรามากันโดยที่ไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย ว่ามี zone อะไรบ้าง ควรดูโชว์อะไรบ้าง ควรวางแพลนเที่ยวยังไง เพราะงั้นก็เดินมั่วๆไปก่อน (แต่สุดท้ายก็ได้ดูโชว์เด็ดๆครบนะ ^^)

Disneyland1 Disneyland2

ที่นี่จะแบ่งเป็น Zone ณ ตอนที่ไปนี่มี Zone Mystic Point, Grizzly Gulch, Toy Story Land, Fantasy Land, Tomorrow Land, Adventure Land พวกเราไม่ได้เน้นเครื่องเล่น แค่อยากมาเดินเล่น ถ่ายรูป ดูโชว์มากกว่า สุดท้ายโชว์หลักๆที่ได้ดูคือ Festival of the Lion King,The Golden Mickeys แล้วก็ขบวนพาเหรด ส่วนเครื่องเล่นก็เน้นแบบไม่หวาดเสียว เช่น ดูหนัง 3D ที่ Mickey’s Philharmagic, The many adventure of Winnie the Pooh, Small World ส่วนไอ้เครื่องเล่นที่ได้เล่นและดูเหมือนจะเสียวที่สุดก็คือ Big Glizzly Mountain Runaway Mine Cars แห่ะๆๆ ไอ้เครื่องเล่นที่ติด Top Hit ที่วัยรุ่นเค้าเล่นๆกันน่ะ เราไม่ได้เล่นเลย ^^” แต่มาครั้งนี้โชคดีอย่างนึงคือได้เจอลุงเด้งและป้าไก่คนดังแห่ง HKFC ที่มากันทั้งครอบครัว เราเลยขอถ่ายรูปด้วยซะเลย ป้าไก่เลยแจก tag HKFC มาให้เป็นที่ระลึกด้วย แถมยังอาศาถ่ายรูปให้เราอีกตะหาก เขินเลยเพราะพวกเราไม่ได้เอากล้องกันไป … trip นี้ใช้ iphone ถ่ายล้วนๆ แต่ทางลุงเด้งป้าไก่นี่เอากล้องอย่างโปรฯกันมาเลย แห่ะๆๆ ^^”

Disneyland3

Disneyland4

ช่วงบ่ายๆ หิวนิดๆหาไรรองท้องสักหน่อย เลยเดินไปที่ Tomorrow Land สั่งชุด Hot Dog, Popcorn, ไอศกรีม Mickey  รสชาติธรรมดาๆทุกอย่าง ถือว่ารองท้อง เดี๋ยวตอนเย็นค่อยไปเก็บของอร่อยๆตามลิสต์ดีกว่า 😀

Disneyland5

พอไม่ได้เน้นเครื่องเล่น เราก็เลยใช้เวลากับที่นี่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ รวมเดินเล่น ดูโชว์ ไรต่อมิอะไรก็เสร็จตอนห้าโมงกว่าๆเอง เลยคุยกันว่ากลับเร็วดีกว่า ขี้เกียจรอดูพลุตอนสองทุ่ม เอาเวลาไปเดินเล่นจิมซาจุ่ย หาอะไรกินเลยดีกว่า เรื่องกินเรื่องสำคัญกว่าพลุ 555++  แต่ก่อนจะออกจาก Disneyland เราก็แวะ Monsters University Administration Building ถ่ายรูปหน่อยๆด้วย เค้าไม่ได้เปิดตลอดไป เดี๋ยวก็ปิดแล้ว โชคดีมาช่วงนี้ที่หนัง Monster University เข้าฉายอยู่เลยมีตึกนี้สร้างขึ้นมาแค่ช่วงนี้เท่านั้น

Disneyland6

ออกจาก Disneyland นั่ง MTR กลับมาลงจิมซาจุ่ย กะว่าวันนี้จะไปหาห่านย่าง-หมูแดงกินบ้างละ มาฮ่องกงนี่หลักๆเลยคือต้องโจ๊ก ติ่มซำ หมูแดง-ห่านย่าง นี่แหล่ะ 😀 ย่านจิมซาจุ่ยนี่เราเลือกร้าน Guangdong Barbecue สาขา Hankow Rd. เดินหาไปหามาแบบหลงๆ สุดท้ายต้องถามทางอาเจ๊แถวๆนั้น แกพูดอังกฤษไม่ได้ เลยให้แกดูชื่อร้านที่เป็นภาษาจีนจาก FourSquare เอา แกอธิบายทางไม่ถูกแต่ใจดีพาเดินมาที่ร้านเลย มาถึงที่ร้านก็ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ สั่งหมูแดง ห่านย่าง ที่ตั้งใจมากินไปอย่างละจาน ข้าวแค่ 1 ที่พอ (แต่ที่เดียวก็มาอย่างเยอะ กิน 2 คนไม่หมดอยู่ดี -_-) เพราะต้องเผื่อท้องไปกินต่อร้านอื่นด้วย มาทริปนี้ตกลงกันกับเปิ้ลไว้แต่แรกแล้วว่าไปกินแต่ละร้านพยายามอย่าจัดหนักมากเพราะลิสต์ของกินที่อยากลองยาวเป็นหางว่าว ต้องขอบอกว่าร้านนี้หมูแดงอร่อยประทับใจเลยนะ ส่วนห่านย่างก็อร่อยใช้ได้ แต่ไม่ได้ถึงกับติดใจ เพราะหนังก็ไม่ได้กรอบมากเท่าไหร่ แต่โดยรวมๆแล้วถือว่าร้านนี้เป็นร้านที่อร่อยใช้ได้เลยอีกร้านนึง ถ้ามาย่านนี้แล้วอยากกินของย่างก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ถ้าให้คะแนนความประทับใจโดยรวมก็เอาไป 7.5/10 ละกัน

GuangdongBBQ

กินอิ่มเรียบร้อยออกไปเดินเล่น shopping ของฝาก(+สั่ง)ซื้อกันต่อ แถวจิมซาจุ่ยนี่จะเป็นย่านพวกของ brand name ต่างๆ มีหมดทุกยี่ห้อ ส่วนเราก็ไม่ได้สนใจเรื่อง shopping อยู่แล้ว ซื้อของที่โอ๋ฝากซื้อ + longchamp ที่ท่านแม่อยากได้เสร็จเรียบร้อยก็ไปกิน Ippudo Ramen กันต่อเลย ร้านนี้ก็ตั้งใจจะมากินครั้งที่แล้วเหมือนกัน แต่เพราะเวลามันไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่เลยชวด งานนี้เป็นนัดล้างตาที่ตั้งใจไว้เลยว่าต้องมาเก็บ … แต่ แต่ แต่ … ยังอิ่มๆอยู่เลย ณ จุดนั้น (จะสี่ทุ่มแล้ว) สุดท้ายเลยสั่ง “Shiromaru Motoaji” เพิ่มไข่มาชามเดียว แบ่งกัน ที่เลือกเมนูนี้เพราะเค้าเขียนว่า “The very original recipe of Ippudo”  มาครั้งแรกต้องลอง original ก่อนสิ แต่พอลองกินแล้วรู้สึกว่ารสชาติอ่อนไป เทียบ Bankara ไม่ได้เลยแฮะ แอบ fail เล็กๆ T-T

IppudoRamen

อิ่มจากราเมงแล้วก็กลับไปพักเอาแรงกันดีกว่า วันนี้เดินเยอะมากๆ ใช้ร่างกายคุ้มจริงๆ ไม่ห้าทุ่มเที่ยงคืนไม่กลับโรงแรม เหมือนทริปที่แล้วเดี๊ยะๆ ^^”

13 Sept 2013

แผนวันนี้จริงๆตั้งใจไว้ว่าจะชิลๆ เพราะมีแผนแค่ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่หาด Repulse Bay และตอนเย็นขึ้น The Peak แต่เพราะกว่าจะตื่นนอนกันก็เลยเที่ยงแล้ว เพราะเมื่อวานสมบุกสมบันกันมากจริงๆ กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวออกมาก็บ่ายโมงกว่าๆละ สำหรับอาหารมื้อแรกเลยคุยกันว่า ไหนๆเราต้องนั่ง MTR ไปลงสถานี Central อยู่แล้ว งั้นเราไปกิน Tim Ho Wan สาขานี้กันเลยดีกว่า ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่พลาดมาจากคราวที่แล้วที่ไปกับโอ๋ที่สาขาเก่าแถว MongKok ตอนนั้นไปถึงอาเจ๊หน้าร้านบอกว่าค้องรอคิวอีกชั่วโมงกว่าๆ ไม่ทันหรอกเพราะร้านปิดก่อน เลยอดเลย T-T ไปถึงสถานี Central แล้วแต่เดินหาทางไปร้านอยู่นานมาก ดูจากรีวิวใน pantip/hkfanclub ก็หาทางตามนั้นไม่เจอ สุดท้ายวิธีที่ไปคือเดินไปที่ IFC Mall เลย แล้วต้องเดินผ่าน Airport Express Area ไป แล้วเดินลงไปชั้นใต้ดิน ร้านจะอยู่ตรงนั้นเลย จริงๆพอเดินเข้าไปที่ IFC ก็สอบถามเจ้าหน้าที่เค้าได้เลยว่าเดินไปยังไง

เสียเวลาหลงทางไปพักใหญ่ๆ แถมไปถึงร้านต้องไปยืนรอคิวอีก ทั้งๆที่ตอนนั้นก็บ่ายสองกว่าๆจะบ่ายสามละนะ แต่ก็ยังดีที่คนดูไม่เยอะมาก รอประมาณ 20 นาทีก็ได้ที่นั่งละ สั่งไปทั้งขนมจีบ ฮะเก๋า ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้หมูแดง ขนมผักกาด ข้าวอบไก่ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ซาลาเปาไส้หมูแดง ที่เป็นจุดขายหลักของร้านนี้เลย ทุกๆจานอร่อยมากๆ สมกับความตั้งใจที่มากินจริงๆ คราวหน้ามาที่นี่ก็จะมากินอีกแน่ๆ แต่อาจจะไปลองสาขาอื่นดูบ้างว่าจะได้รสชาติเหมือนกันมั๊ยนะ

TimHoWan

กินอิ่มเรียบร้อยก็ไปจุดหมายต่อไปกันโลดคือกราบเจ้าแม่กวนอิมที่หาด Repulse Bay จาก IFC เดินออกไปทางตึก Exchange Square ที่ด้านล่างของตึกจะเป็น Bus Terminal ขึ้นสาย 6X นั่งเลียบชายทะเลไปสัก 20 นาทีก็จะเห็นตึกที่มีรูๆ ก็เตรียมลงรถได้เลย จากจุดนี้เราต้องเดินเลียบชายทะเลไปอีกประมาณ 2-300 เมตร ไปกราบเจ้าแม่และเหล่าเทพฯต่างๆที่อยู่ชายทะเลอีกด้าน จริงๆการไหว้ของที่นี่เค้าจะมีวิธีการหลายๆอย่าง ทั้งการข้ามสะพานต่ออายุ การเอาเงินลูบเทพเจ้าโชคลาภไฉ่เซ่งเอี๊ย ฯลฯ ส่วนเราก็ทำตามเปิ้ล (ที่ศึกษามาอย่างดีมากกกก) + ไกด์ที่พาทัวร์มาลงแถวๆนั้นเอา ^^”

Repulse Bay

กราบเจ้าแม่กวนอิมเสร็จเราก็เดินกลับมาฝั่งตรงข้ามกับจุดที่เราลงรถบัส เพื่อจะนั่งรถกลับไปแถว Exchange Square เพื่อขึ้น Peak Tram ไป The Peak ที่สถานี Peak Tram คนเยอะมากๆ ต้องรอคิวประมาณสักครึ่งชั่วโมงได้กว่าจะได้ขึ้น Tram การต่อคิวของที่นี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนไม่ค่อยจะมีมารยาทกัน ชอบผลักชอบดันกันมาก ไม่รู้จะรีบไปไหน -_- รถ Tram ใช้เวลาไม่นานก็ถึง The Peak พวกเราไม่ได้สนใจแวะร้านค้าอะไรในนั้นเลย ขึ้นบันไดเลื่อนมุ่งดิ่งขึ้น Sky Terrace อย่างเดียว และก็เหมือนเดิมคือเราซื้อตั๋วมาตั้งแต่เมืองไทยแล้วก็เลยไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วอีก ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นดาดฟ้าดูวิว บนนี้สวย&บรรยากาศดี มาตอนนี้อากาศกำลังดีด้วยไม่หนาวมากแค่ลมเย็นๆ ถ้ามาเดือนธันวาน่าจะหนาวเกิน เพราะขนาดที่มาตอนนี้ลมยังเย็นหน่อยๆ อยู่ได้สักพักก็สรุปว่าที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เหมาะสำหรับมาชมวิวกันเพลินๆ อยู่ได้ไม่นานก็ลงเขาไปกินตามลิสต์ที่ยังเหลืออยู่แถวๆ MongKok ที่รักต่อน่าจะฟินกว่า 555++ ตอนขากลับจริงๆซื้อตั๋ว Peak Tram ไว้แบบไป-กลับ แต่ไปดูที่คิว Tram แล้ว ไม่ต่างจากตอนขึ้นมา สุดท้ายเลยไปขึ้นรถบัสสาย 15c กลับกันแทน

ThePeak

นั่งรถเพลินๆลงมาข้างล่างแล้วก็ขึ้น MTR กลับไป MongKok เดินเข้าลิสต์แรกก่อนเลยคือร้านเกี๊ยวซ่า 8upway สั่งเป็นเซ็ต 10 ชิ้น + ซุปลูกชิ้น ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกกก เกี๋ยวซ่าไส้ตู้มๆ ไม่มันเลย กินได้อย่างสบายใจ 10 ชิ้นผ่านไปแบบไวๆ จริงๆยังอยากกินอีกนะ แต่มีจุดหมายอื่นๆอีกอ่ะ >_< ออกจากร้านนี้ก็ยังเดินกินของกินเล่นนู่นนี่กันต่อ เดินเล่นดูนู่นนี่ต่อไปอีกสองชั่วโมงให้ย่อยๆเสร็จแล้วก่อนกลับโรงแรมไปต่อกันที่ร้านสุดท้ายของวันนี้และเป็นอีกร้านที่ตั้งใจมากๆว่าต้องมากิน คือ Seaview Congee ร้านโจ๊กเนื้อเนียนอันโด่งดังอีกร้าน ไหนๆมาถึงร้านละขอลองสั่งหลายหลายหน่อย (ทั้งๆที่ตอนนั้นยังอิ่มนิดๆอยู่เลย ^^”) จัดโจ๊ก ปาท่องโก๋ หมี่ผัด น้ำเต้าหู้ มา! ขอบอกว่าโจ๊กร้านนี้เนื้อเนียนเว่อร์ๆ เหมือนกินโจ๊กนมยังไงยังงั้นเลยอ่ะ น้ำเต้าหู้อร่อย ปาท่องโก๋ก็ได้มาตรฐาน ส่วนหมี่ผัดนี่เราว่าไม่ผ่านอ่ะ งั้นๆ สรุปว่าร้านนี้เหมาะกับคนชอบโจ๊กที่เนื้อเนียนๆมากๆ สำหรับเราเราว่าเนียนไปนิดนะเหมือนนม ส่วนหมูร้านนี้ก็จะเป็นสไตล์หมูเส้น ไม่ใช่หมูก้อนแบบไทยๆ สรุปว่าโดยรวมร้านนี้เราไม่ได้ติดใจอะไรมากเหมือนที่รีวิวกัน ให้ 7.5/10 ละกัน

8upway&SeavieCongee

กินอิ่มอืด เก็บลิสต์ได้ไปอีกหลายร้านสำหรับวันนี้ สบายใจกลับโรงแรมนอนได้!! XD

14 Sept 2013

วันนี้จริงๆได้สิทธิ์จาก Le Club Accor ให้ Late Check-Out ได้ถึงบ่ายสอง แต่วันนี้เรามีภาระกิจกันหลายอย่างเลยตัดสินใจ Check-Out เลยดีกว่าตั้งแต่ประมาณเกือบสิบเอ็ดโมง แล้วก็มุ่งหน้าไปร้านที่เราตั้งใจกันไว้เลยที่ร้านซ้านหับเส่ง วิํธีการไปจาก Novotel Nathan ก็คือลอดอุโมงค์ใต้ดินไปโผล่อีกฝั่งนึง แล้วเดินตามถนน Saigon ไปเรื่อยๆจนตัดกับ Canton Rd. ร้านจะอยู่เลยหัวมุมไปนิดเดียวเลย ไปถึงก็ใช้วิธีจิ้มๆเอาหน้าร้านว่าจะเอาไรบ้าง ตอนแรกสั่งเป็นห่านย่าง หมูแเดง หมูกรอบเป็นจานรวม ตามด้วย ผัก ซุป และข้าวมาก่อน ห่านกับหมูกรอบก็อร่อยนะ แต่หมูแดงอร่อยสุดยอดดดดดด กินแล้วฟินมาก ทนไม่ได้ต้องสั่งมาอีกจาน ส่วนผักที่จริงๆสั่งผิดมานี่ก็อร่อยมาก ดีใจเลยที่สั่งผิด ผักสดกรอบ ครั้งหน้ามาจะสั่งเป็นมั๊ยเนี่ยะ XD

ซ้านหับเส่ง

อิ่มแล้วก็ไปภาระกิจต่อไปเลย คือไปขน Garrett Popcorn ที่ IFC Mall (MTR Central Station) กลับไปฝากน้องๆในทีม(และทีมข้างๆ)ที่อยากกินกันมาก ร้านอยู่ตรง Super ของทางห้าง ไหนๆมาแล้วคราวนี้เลยซื้อไปฝากอย่างเยอะ กินกันให้เอียนไปเลยยยย 555+ เน้นซื้อรส Caramel เพราะเราว่าอร่อยสุดละ ก่อนหน้านี้ลอง Chicago Mix แล้วไม่ค่อยอร่อย เพราะรสชีสที่ผสมมาด้วย ตัว popcorn มันจะออกนุ่มๆไม่กรอบ แต่จริงๆแล้วไม่ได้ชอบ Garrett เท่าไหร่ เราว่าหวานไปมาก กินได้ไม่เยอะอ่ะ  เรากินกี่ทีก็ว่าหวานไปนะ ชอบ Popcorn เครือเมเจอร์มากกว่าอ่ะ ^^”

GarrettPopcorn

ซื้อเสร็จ สัมภาระเยอะมาก เลยคุยกับเปิ้ลว่าแยกกันละกัน เพราะเปิ้ลมีภาระกินไปซื้อโฟมล้างหน้าที่จิมซาจุ่ย แต่เราก็ควรเอาของไปเก็บโรงแรม เพื่อไม่ให้เสียเวลาเลยแยกกันไป แล้วค่อยนัดเจอกันที่ร้าน Charlie Brown Cafe ที่เล็งกันไว้ว่าอยากมามากกกกกก เราเองก็พลาดจากครั้งที่แล้ว เลยกากบาทไว้เลยว่าต้องมาให้ได้ครั้งนี้! จาก Novotel Nathan เราเดินตามถนน Nathan มุ่งหน้าจิมซาจุ่ยแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Cameron เดินไปยาวๆหน่อยร้านจะอยู่ด้านขวามือ เยื้องๆ Park Hotel  ร้านนี้น่ารักมาก มีพร๊อพถ่ายรูปเยอะแยะ คนชอบ Snoopy น่าจะชอบมาก ทั้งร้านมีแต่ตัวการ์ตูน ไม่รวมทั้งขนม เครื่องดื่มที่เป็นรูปการ์ตูนทั้งหมดและอร่อยทุกอย่างที่สั่งด้วย ครั้งหน้าต้องมาซ้ำอีกแน่ๆ ขอบอก! ^^

CharlieBrown

ออกจาก Charlie Brown แล้วก็ไปเก็บตกซื้อของต่อกันที่ Mong Kok (สรุปมากันทุกวัน!) ชอบย่านนี้ มันดูเหมาะกับเรามากกว่าย่านจิมซาจุ่ยจริงๆแหล่ะ พวกเราใช้เวลาที่เหลือตรงนี้ทั้งหมด ทั้งซื้อของฝากน้องชาย เดินเล่นกินของจุกจิกเรื่อยเปื่อยจนอิ่ม เปิ้ลขอซ้ำเกี๊ยวซ่าของ 8upway ส่วนเราก็ไม่พลาดกับ Waffle Ball ของโปรด ยังไม่รวมน้ำจากร้าน comebuy2000 ที่เปิ้ลบอกว่าชอบมากกว่า Gong Cha ส่วนร้านน้ำมะม่วง Hui Lau Shan นี่เดินผ่านกันทุกวัน แต่สุดท้ายไม่ได้กินนะ เพราะไม่ได้โปรดน้ำมะม่วงกัน (ชอบแต่ไอติมมะม่วงของ Swensen’s อ้ะ XD) แล้วครั้งที่แล้วที่มากินก็ไม่ชอบอ่ะ เลยได้แต่เดินผ่าน

Mongkok4thDay

ย่านนี้เดินเล่นสนุกจริงๆ ของกินตามถนนมีเยอะดี เวลาไปเที่ยวชอบเดินแบบติดดินสไตล์แบบนี้มากกว่าแบบห้าง นึกถึงตอนไปเกาหลีก็ยังติดใจแถวเมียงดง ที่เป็นสไตล์นี้เหมือนกัน ลิสต์อีกที่ที่อยากไปคือไต้หวัน ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Night Market อยากไปลองมากๆว่าจะดีขนาดไหนน้อออออ … เดินเล่นจนแทบหมดเวลาก็รีบบึ่งกลับโรงแรมไป pack ของเตรียมไปสนามบิน นู๋เปิ้ลใช้เวลาแป๊บเดียว pack เสร็จเรียบร้อย เก่งจริงๆแฮะ (แต่สุดท้ายเป๋าขาดที่สนามบิน ต้อง re-pack 555++) การกลับสนามบินก็ง่ายๆเลย เดินไปถนนฝั่งตรงข้ามโรงแรมรอรถสาย A21 นั่งไปเรื่อยๆก็จะไปลงปลายทางที่สนามบินเลย  ขอเตือนว่าควรจะไปถึงสนามบินอย่างน้อยสัก 2.5-3 ชั่วโมง เพราะว่าสนามบินที่นี่กว้างมาก เราอาจจะต้องต่อรถไฟภายในไปอีกอาคารนึง ยังไม่รวมระยะเวลาในการรอ check-in กระเป๋าและเดินหา gate ภายในสนามบินด้วย รวมทั้งพวก security check ต่างๆอีก … อ่อ ถ้าใครยังไม่ได้คืน octopus card ก็มาคืนได้ที่สนามบินเหมือนกัน แต่ต้องเดินไปที่ counter airport express เอา ถ้าขี้เกียจก็แลกที่ MTR วันสุดท้ายไปเลย แล้วจ่ายเป็นเงินสดตอนขึ้น A21 เอาแทน .. สุดท้ายพวกเราก็ไปถึง Gate กันด้วยสภาพเหนื่อยๆ เพราะตะลุยกันมาทั้งวัน มีเวลาเดินเล่นหน้า gate อีกแค่ 30 นาทีก็ขึ้นเครื่องละ ไม่ต้องรอนาน ถือว่ากะเวลาได้พอดีๆเหมือนกัน (แต่ถ้าหลงหรือตกรถอาจจะมีเสียวได้อยู่นะ ^^”)

สรุป

  • มากี่ทีก็ยังรักฮ่องกงเหมือนเดิม บอกได้เลยว่าชอบอาหารที่ฮ่องกงนี่มาก ตั้งเป้ามามันทุกปีเล้ย ^^
  • ครั้งหน้าร้านที่ยังต้องมาซ้ำคือ Tim Ho Wan, Charlie Brown, ซ้านหับเส่ง, 8upway
  • Waffle Ball ของฮ่องกงก็อร่อย แต่หลังจากกินสไตล์พี่ไทยแล้ว ชอบร้าน Waffle Hongkong ที่ Union Mall มากกว่าหน่อยๆ เพราะเค้าทำแป้งบางกว่าด้วยแหล่ะ
  • ร้านโจ๊กที่คราวหน้าต้องมาลองคือ Ocean Empire
  • คราวหน้าว่าจะลองหาโรงแรมแถว Mong Kok บ้างดีกว่า เพราะสิงอยู่แต่แถวนี้ … แต่ก็แอบติดใจ Novotel Nathan นะ แห่ะๆ XD
Comments