[20-22 Feb 2020] ไปสิงคโปร์ในช่วง COVID-19 เริ่มระบาด

ทริปครั้งนี้เกิดจากที่แม่กับโดมอยากไป Jewel ที่เป็นอาคารสร้างใหม่ติดสนามบิน Changhi ด้วยความที่ในปี 2019 เค้าทำการโปรโมทกันแบบยิ่งใหญ่มาก จุดขายคือภายในมีน้ำพุ Rain Vortex ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คุณแม่กับคุณน้องเลยอยากไปกันมาก 😅

ถึง Jewel จะอยู่ติดสนามบินแต่จะให้ไปแบบเช้าเย็นกลับก็กระไรอยู่ ไหนๆไปแล้วขอตระเวณหาของกินสักหน่อยเหอะ เลยแพลนกันว่าอยู่สัก 2 คืนละกัน ทางโดมก็ไปทำการจองทั้งเครื่องบินและโรงแรมในทริปนี้ โดยจองล่วงหน้าไว้ก่อนเดินทางประมาณ 2 เดือน บินกับ Scoot และพักที่ lyf Funan  ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 4 คน มีเรา แม่ โดมและเตย

*** หลังจากจองทริปนี้ได้ไม่นาน ก็เกิดมี corona virus ระบาดที่จีน และเริ่มลามไปที่ประเทศอื่นๆ โดยก่อนที่จะถึงวันเดินทางไปสิงคโปร์ของพวกเรา ประเทศสิงคโปร์ก็ถูกประกาศเป็นประเทศที่ถ้าใครไปกลับมาควรจะกักตัว 14 วัน แต่ ณ ตอนนั้นเราก็แคนเซิลอะไรกันไม่ทันแล้ว ก็ต้องเลยตามเลย 🙄 ***

20-Feb-2020

เรียก grab ไปส่งที่สุวรรณภูมิ ไปถึงสนามบินค่อนข้างโล่งเลย คนเริ่มเดินทางน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เราใช้บัตร K-Journey กันทั้งหมด 3 คน และจ่ายเงินให้แม่ที่ไม่มีบัตรเข้าเลานจ์ Miracle First Class ไปคนเดียว ตอนนั้นใช้สิทธิ์ของ grab จ่ายไปประมาณ 700 กว่าบาท บนเครื่อง Scoot ไม่มีการเสิร์ฟทั้งน้ำและอาหาร พวกเราเลยทานกันที่เลานจ์จนอิ่ม อาหารของทาง First Class มีอาหารร้อนที่ทำจานต่อจาน รวมทั้ง hot dish ใน line อาหารด้วย รสชาติดี เราเคยรีวิว Lounge นี้ไปแล้วใน page เอามาแปะไว้อีกทีในโพสนี้ละกันนะ

ใกล้ได้เวลา boarding ก็เดินไปขึ้นเครื่อง โดยขาไปเราไป Flight TR 607 เป็นที่นั่งแบบ 3-3 ขนาดที่นั่งไม่ถึงกับเล็ก ไม่มีอาหารหรือน้ำเสริ์ฟ และไม่มีจอ แต่สำหรับ Flight สั้นๆขนาดไม่เกิน 2-3 ชม. เราถือว่าเครื่องของ scoot โอเคเลยนะ

ถึงสิงคโปร์แล้วพวกเราเดินไป Jewel กันเลย จาก Terminal 1 เดินออกมาเจอทางเดินเชื่อม Jewel เลย

พวกเราถ่ายรูปกับน้ำพุด้านล่างแล้ว ก็ขึ้นไปชั้นบนซื้อบัตรราคา 8 SGD เพื่อเดินข้าม Canopy Bridge เป็นสะพานใสที่มองเห็นด้านล่าง คนกลัวความสูงอาจจะเสียวๆหน่อย

จากนั้นเราก็ไปร้านที่เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของเรากะน้อง คือ Shake Shack ร้านนี้เราเคยกินที่เกาหลีแล้วยังเคลิ้มมาจนบัดนี้ เราเดินเข้าร้านตอนราวๆสี่โมง ไม่ใช่ช่วงพีค เลยยังไม่มีคิว พอกินเสร็จเดินออกมาคิวยาวแล้ว ส่วนรสชาติอย่าให้บอกเลย กินไปเคลิ้มไปเหมือนเดิม ฟินนนนน 😍

อิ่มแล้วก็ขึ้น Taxi มุ่งหน้า lyf Funan กันเลย ตัวโรงแรมตั้งอยู่ใน Funan Mall เลยสะดวกในการหาของกินมาก ตัวโรงแรมนี้เป็นกึ่งๆ Hotel + Co-Living Space ทำแบบแนววัยรุ่น ทันสมัยดี ห้องขนาดไม่ใหญ่ แต่ดีไซน์ดี ติดแค่อย่างเดียวจริงๆ คือในห้องไม่มีทีวี และไม่มีตู้เย็น สามารถไปใช้ร่วมกันได้ที่ส่วนกลาง รวมๆแล้วเราชอบนะ มันแนววัยรุ่นดี แถมมีช่องเสียบ usb ให้ชาร์จทุกจุดเลยอ่ะ

สำหรับตอนเย็นวันนี้ พวกเราไม่ได้ไปไหนทำอะไรละ เดินสำรวจกันใน Funan Mall หาของกินเล็กๆน้อยๆ แล้วก็ขึ้นห้องพักผ่อน

21-Feb-2020

เริ่มเช้าวันใหม่กันด้วยกาแฟจากร้าน PPP ใน Funan Mall นั่นแหล่ะ ร้านนี้เห็น Rating ดีมาก กาแฟก็ดีจริงๆ (confirm by dome)

อาหารกลางวัน เรานั่ง Taxi ไป Maxwell Food Center ใกล้ๆ China Town เราเคยมาครั้งนึงในทริปครั้งที่แล้วละ ครั้งนี้รีบมาก่อนตั้งแต่สิบเอ็ดโมงนิดๆ คนยังไม่เยอะ แต่บางร้านจะยังไม่เปิดนะ เราซื้อมาลองทั้งข้าวมันไก่ Tian Tain (Michelin Bib Gourmand) & Ah Tai  พอลองแล้วแม่บอกอร่อยทั้งคู่ ไก่ Tian Tian จะอร่อยกว่าหน่อย ส่วนข้าวนี่ Ah Tai อร่อยกว่านิด รวมๆแล้วกินร้านไหนก็ได้ ไม่หนีกัน ส่วนอาหารอย่างอื่นๆที่ได้มาเพิ่มอย่างโจ๊กร้าน zhen zhen กับก๋วยเตี๋ยวผัด รสชาติโอเคหมดนะ

อิ่มแล้วเดินไปนิดเดียวเจอวัดพระเขี้ยวแก้ว วัดนี้เคยมากับแม่ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว แต่ผ่านมาแล้วก็ต้องแวะสักการะสักหน่อย

เดินต่ออีกนิดก็เป็นย่าน China Town มีร้านขายของฝากเพียบเลย ร้านอาหารก็เยอะ

จากนั้นคุณน้องชายร่ำร้องอยากไปร้าน ATLAS ตามที่เพื่อนป้ายยามา ร้านนี้สวยเว่อร์วังอลังการมาก มาจิบชากาแฟรอบบ่ายถือว่าราคาไม่แรง ถ้ามากินอาหารจริงจังนั่นอีกเรื่องนึง กินเสร็จเดินออกไปถ่ายรูปด้านนอกต่อได้อีก

ออกจาก ATLAS ตอนบ่ายสามเดินหน้าลุยกินกันต่อ เรานั่ง grab ไปกิน Five Guys ที่เพิ่งมาเปิดที่ Plaza Singapura เมื่อเดือน Dec-2019 ที่ผ่านมา เราไปถึงช่วงบ่ายสามกว่า คนยังน้อย ไม่มีคิว สั่งมาแบ่งกันชุดนึง เลือก Bacon Cheese Burger ราคา 17 SGD และ Regular Fries 9 SGD ส่วนน้ำอัดลมแบบรีฟิลแก้วละ 5 SGD ดูราคาแล้วค่อนข้างแรงกว่า Shake Shack ที่ก็ว่าแรงแล้วนะ 😅

ตอนสั่งเบอร์เกอร์เราสามารถเลือก Toppings เพิ่มเองเท่าไหร่ก็ได้ หรือถ้าขี้เกียจเลือกก็บอกเค้าว่า All the way เค้าก็จะใส่ default topping มาให้ เราเลือกแบบนี้ ขนาดเลยออกมาใหญ่มากกกกก บอกให้เค้าตัดแบ่งมาให้เลย จะได้กินง่ายๆ ระหว่างรอก็ไปตักถั่วฟรีมากินได้เรื่อยๆ ถั่วของที่นี่อร่อยนะ กินไปเยอะเลยแหล่ะ

ฟรายส์ของที่นี่บอกเลยว่าอร่อยมาก ฟรายส์เค้าติดเปลือกนิดๆ ทอดด้วยน้ำมัน peanut เลยมีความหอมแบบที่ไม่เคยทานที่อื่นเลย ทุกคนที่ลองชอบกันหมด ส่วนเบอร์เกอร์ หลังจากทานแล้วลงมติว่าชอบ Shake Shack มากกว่า คือของที่นี่ก็อร่อยมากนะ แต่ของ Shake Shack มีความกลมกล่อมลงตัวกว่า ความชุ่มฉ่ำของเนื้อดีกว่า Five Guys นิดๆด้วย

สรุปว่า ถ้าเน้นเบอร์เกอร์/ร้านบรรยากาศดีเลือก Shake Shack แต่ถ้าเน้น French Fries, ถั่วฟรี(อร่อยๆ), น้ำมีรีฟิล เลือก Five Guys แต่ถ้าง่ายๆเลยคืออยู่ใกล้และมีโอกาสกินร้านไหนไปร้านนั้นได้เลย อร่อยทั้งคู่

กินเสร็จก็ต้องเดินย่อยหน่อย เราเดินเล่น shopping กันอยู่ใน Plaza Singapura นั่นแหล่ะ จนตกเย็นเราก็ไปต่อกันที่ Garden by the Bay โดยนั่ง grab ไปเหมือนเดิม ไปถึงก็ซื้อบัตรคนละ 8SGD ขึ้นไปเดินบน OCBC Skyway ข้างบนนี่ลมแรง แต่ชิวดีมาก

พระอาทิตย์ตกก็เดินไปดู zone ที่เป็น Future Together Exhibit by Teamlab ที่เค้ามีให้ดูเริ่มตั้งแต่ราวๆทุ่มนึง แต่งานนี้มีให้ดูถึง 15-Mar-2020 โชคดีตอนที่ไปมีพอดี เหมือนไข่ลอยอยู่ในน้ำ สีจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ น่ารักอ้ะ

พอใกล้ๆ show จะเริ่ม ก็เดินกลับกันมาตรง zone super tree เพื่อดูโชว์ Garden Rhapsody ดูเพลินมากกกกกก

เสร็จโชว์เรานั่ง grab ไปลงที่ Clarke Quay พาทีมงานไปนั่งดูสาว Hooters ชมวิวริมน้ำซะหน่อย … อาหารโอเค ราคาแรง ได้ความชิว (เบียร์ที่สิงคโปร์แพงมาก กินแค่พอชิวๆพอนะ ถ้ามาที่นี่ เก็บไว้กินที่เมืองไทยดีกว่าเยอะ 😅) แต่แถวนี้อยู่ใกล้รร.มาก  จากร้านเดินกลับโรงแรมได้เลยห่างไปราวๆไม่ถึงครึ่งกม. ได้ย่อยนิดๆพอดี

22-Feb-2020

ตอนเช้าเราเดินลงมา Mc Donald’s ชั้น 1 ซื้อกาแฟ + Sausage & Egg Mc Griddle ขึ้นมากินบนห้อง พอตอนเที่ยงตรงก็เช็คเอ้าท์แล้วฝากกระเป๋าทางโรงแรมไว้ แล้วก็เดินลงไปกิน Old Street Buk Kut Teh กันที่อยู่ชั้นล่างใน Funan Mall นี่แหล่ะ สะดวกดีมากกก 555+ เราว่า Buk Kut Teh ร้านนี้ก็อร่อยดีนะ แถมตอนนี้มีไปเปิดที่เมืองไทยแล้วด้วย จากที่กินทุกคนว่าอร่อย แต่ใจเรายังแอบชอบ Song Fah มากกว่านิดๆ

จากนั้นไปเอากระเป๋าแล้วก็เรียก grab ไปสนามบินกันเลย check-in ได้ boarding pass กันเรียบร้อยก็ไปเดินเล่นกันที่ Jewel ฆ่าเวลากันต่ออีกพักใหญ่ เพราะที่นี่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารเพียบ แล้วก็เดินไปเจอร้าน Koi The Signature คุณน้องชายเลยต้องขอลอง เราเลยได้ชิมไปด้วย ก็อร่อยดีนะ ก็เหมือน Koi The ทั่วไปอ่ะ 555++

เดินกันจนพอจะเหลือที่ว่างในกระเพาะบ้างแล้ว ก็ไปแวะ Kam’s Roast ร้านที่ได้ Michelin 1 ดาว 6 ปีซ้อนจากฮ่องกง สั่งเป็นข้าวราดมาแบ่งกัน 2 จาน เป็ดกับหมูกรอบอร่อยนะ แต่รสชาติน้ำราดเค้าออกหวานๆเกินกว่าที่ชอบไปหน่อย สรุปเฉยๆอ่ะ

อิ่มสบายพุงแล้วก็เดินพุงโย้ๆเข้าสนามบินไป gate กันได้สักที เครื่อง flight กลับนี่ลำใหญ่กว่าขามานะ ขากลับเป็นแบบ 3-3-3  ส่วนขามาเป็นแบบ 3-3 เอาจริงๆเครื่องของ Scoot ก็นั่งสบายดีเหมือนกันนะ แค่ไม่มีบริการอาหารและไม่มีหน้าจอ สำหรับบินสั้นๆ 2-3 ชม.นี่เราว่าโอเคเลย

กลับถึงกทม. กักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน ทุกคนโอเคดี แต่กลายเป็นว่าสถานการณ์ในเมืองไทย และทั่วโลกกลับแย่ลงเรื่อยๆ สรุป ณ วันที่เขียน blog นี้หลังจากกลับมาได้ 1 เดือนพอดี เราก็ยังไม่ได้เข้าออฟฟิศเลย กลายเป็น Work from Home มาเดือนนึงแล้ว เพราะที่ทำงานประกาศให้ “Mandatory work from home” ไปซะแล้ว ไม่รู้เหตุการณ์จะกลับมาปกติได้เมื่อไหร่ ตอนนี้ผู้คนแย่กันทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และเศรษฐกิจ ขอภาวนาให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเร็วๆด้วยเถอะ 🙏