ทริปนี้เป็นอีกทริปที่จองไว้จากโปรของ Air Asia ตั้งแต่ปีก่อน บินไปกลับ กรุงเทพฯ-อุดรฯ 2 คน 300 บาท! ตอนนั้นก็จองไว้แบบว่าไม่ได้ไปก็ไม่เสียดายเท่าไหร่เพราะมันแค่ 300 เองนะ จริงๆตอนแรกจองไว้พฤหัส-เสาร์ (28 Feb – 2 Mar) = ต้องลางาน 2 วัน แต่เนื่องจากปีที่แล้วทาง Air Asia มีการย้ายสนามบินกลับไปบินที่ดอนเมือง ทำให้ลูกค้ามีสิทธิ์โทรขอเลื่อน flight ได้ เราก็เอาสิ จัดเลยเปลี่ยนเป็นบินเสาร์-จันทร์ที่ 2-4 Mar แทน จะได้ลางานวันเดียว (แต่สุดท้ายพอเลื่อน flight ไปแล้วดันมีการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.วันที่ 3 Mar พอดี เสียสิทธิ์ไปเลยทันใด … ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจจะนอนหลับทับสิทธิ์นะ มันบังเอิญจริงๆ >_<)

2 Mar 2013
บินถึงอุดรฯตอนเที่ยงหน่อยๆรับรถ AVIS ที่จองไว้ online ใน counter ที่สนามบินเลย ตอนแรกจอง Yaris มาเพราะอยากลอง ไม่เคยขับ แต่ทาง AVIS แจ้งว่ารถไม่ว่างเลย upgrade เป็น Altis ให้ฟรี ขับแล้วก็ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ สรุปว่าไม่ชอบทั้ง Vios & Altis เรานี่คงไม่เหมาะกับ Toyota จริงๆแฮะ

ได้รถแล้วก็บึ่งไปหนองคายเลยทันใด เพราะแพลนไว้อยู่แล้วว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่แดงแหนมเนือง ที่อยู่แถวท่าเสด็จ ระยะทางจากอุดรฯถึงหนองคายก็ประมาณ 52 กิโลฯ ขับรถครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แถมทางก็ดีมาก ตรงอย่างเดียว ขับง่ายมากมาย ไปถึงร้านก็สั่งๆอย่างเดียว (เมนูในร้านไม่ได้มีหลากหลายเหมือนร้านเวียดนามในกรุงเทพฯ) ทั้งแหนมเนือง กุ้งพันอ้อย ไส้กรอกทอด กระยอทอด แต่อยากบอกว่าอาหารมาแบบเย็นชืดทุกจาน ไม่งั้นคงจะอร่อยกว่านี้ กินแล้วเลยไม่ค่อยรู้รสสักเท่าไหร่ -_-”

แดงแหนมเนือง1 แดงแหนมเนือง3 แดงแหนมเนือง2

กินเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเก็บสถานที่เที่ยวละ เริ่มที่แรกไปกราบหลวงพ่อพระใส(พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง)ที่วัดโพธิ์ชัยก่อนเลย

วัดโพธิ์ชัย

ต่อด้วยศาลาแก้วกู่ ศาสนสถานที่มีเทวรูปเยอะมาก เดินเข้าไปที่นี่แล้วดูอลังการจริงๆ

ศาลาแก้วกู่

ศาลาแก้วกู่2
???????????????????????????????

ต่อด้วยวัดพระธาตุบังพวนที่เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ  วัดนี้ต้องขับรถออกจากตัวเมืองออกไปราวๆ 20-30 กม. ไปถึงตัววัดดูจะอยู่ระหว่างการบูรณะ

พระธาตุบังพวน

อยู่วัดพระธาตุบังพวนได้แป๊บเดียวก็ออกเพราะตัววัดไม่ค่อยมีอะไร น่าจะเพราะบูรณะอยู่ เราเดินทางกลับตัวเมืองหนองคายเพื่อไปสักการะพระธาตุกลางน้ำ(เดิมชื่อพระธาตุหล้าหนอง)เป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมธาตุ ฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ เรากะไปถึงช่วงเย็นๆพอดีจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกริมน้ำโขงด้วยเลย บรรยากาศตอนนั้นสวยจริงๆ

พระธาตุหล้าหนอง พระธาตุกลางน้ำ

เสร็จแล้วไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ที่ตลาดท่าเสด็จ ถนนคนเดินนี้เพิ่งจะมีได้ไม่กี่เดือน เปิดเฉพาะวันเสาร์ซะด้วย มาได้ถูกวันพอดีเลย เดินเล่นเพลินๆรอเวลาหิวข้าว 😛

ท่าเสด็จ

ถนนคนเดิน ริมโขง หนองคาย

ตอนแรกกะว่าจะจิบเบียร์ชิลๆที่ร้านแถวนั้น แต่พอมีถนนคนเดิน บรรยากาศมันก็ดูไม่ค่อยชิลเท่าไหร่ แถมเดินๆอยู่มีแมลงค่อนข้างเยอะ เลยตกลงกันว่าไปหาร้านอื่นดีกว่า .. search foursquare ก็แล้ว wongnai, google ก็แล้วก็ไม่ค่อยจะเจอร้านที่น่าสนใจเท่าไหร่ เลยขับรถไปวนๆหาแถวริมน้ำ สุดท้ายก็ได้ร้านชายโขง ร้านนี้ติดริมโขงเลย แต่บรรยากาศก็ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอก แต่ ณ เวลานั้นขี้เกียจขับรถหาแล้วอ่ะนะ แห่ะๆ แต่สรุปว่าร้านนี้อาหารก็อร่อยใช้ได้เลยนะ สักอาหารไปแค่สองอย่าง (ไม่นับถั่วทอดนะ) เพราะเน้นมานั่งคุย จิบเบียร์ ชิลๆ อาหารรสชาติดีทั้งคู่ ลมเย็นๆจิบเพลินๆ ชิลดี ^^

ร้านชายโขง

กินเสร็จกลับไปเช็คอินที่โรงแรมได้ละ ครั้งนี้จองห้องที่โรงแรม White Inn ไว้ ดูจากรีวิวแล้วดูห้องค่อนข้างโอเค ราคาไม่แพงเลย (คืนละ 700) ห้องใหญ่ ใหม่ แถมมีทีวี LCD พร้อมช่อง cable เกือบร้อยช่องให้อีกตะหาก … เสียอย่างเดียวจริงๆคือเตียงนอนแข็งมาก แต่เรื่องอื่นๆโอเคหมด

โรงแรม white-inn

3 Mar 2013

วันนี้มีโปรแกรมข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์ เลยตื่นมาตอนเก้าโมงกว่าๆแล้วก็พบว่าฝนตก!!! อารายฟะ นี่มันเพิ่งต้นเดือนมีนาฯนะเฟ้ย เซ็งจริงๆเลย แต่ก็ยังไม่เลิกล้มแพลนที่จะไปเที่ยวลาวนะ ก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปหาไข่กระทะกินซะหน่อย ที่ front แนะนำให้ไปร้านอิ่มเอมไข่กระทะ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเลย ห่างไปแค่ประมาณ 300 เมตร ใกล้โรงแรมหวนลาย ไปถึงตอนนั้น 10 โมงกว่าๆละ ร้านขายเกือบหมดเหลือเมนูไข่กระทะอย่างเดียว แต่ก็นะ เราตั้งใจมากินแต่ไข่กระทะอยู่แล้ว เลยโอเค … ขอบอกว่าไข่กระทะกับขนมปังไส้หมูยอกุนเชียงอร่อยมากๆ กินหมดนี่แล้วแค่อิ่มกำลังดี จริงๆมีร้านอาหารเช้าชื่อดังอีกร้านนะที่นี่คือร้านทานตะวัน แต่ร้านนั้นขายหมดเร็วตั้งแต่ก่อนสิบโมง สรุปตื่นมากินไม่ทันอ่ะนะ เลยอด ^^”

อิ่มเอมไข่กระทะ

กินเสร็จเราก็ขับรถไปที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวกันเลย ไปถึงเอารถไปจอดที่รับฝากรถแถวๆนั้นก่อน (ค่าจอด 50 บาท) เสร็จแล้วก็เดินไปที่ด่าน เขียนใบผ่านแดนให้ตม.ไทยปั๊ม พอผ่านตม.ก็เดินไปซื้อตั๋วรถบัสที่จะพาข้ามสะพานไปฝั่งลาวกันเลย (ค่ารถคนละ 20 บาท) รอบนรถแป๊บเดียว พอคนเต็มรถก็ออก นั่งรถแค่แป๊บเดียว (ราวๆ 5 นาที) ก็ถึงด่านฝั่งลาวละ พวกเราก็ต้องลงรถไปจ่ายค่าผ่านแดน (คนละ 80 บาท) แล้วค่อยไปผ่านตม. (บัตรที่ใช้เขียนผ่านตม.ก็ไปขอได้ที่ตม.เลย ไม่ต้องรอคิวเน้อ) ผ่านด่านไปก็เดินไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่แถวๆนั้นแหล่ะ เพื่อไปตลาดเช้า (ค่ารถคนละ 25 บาท) ค่ารถเดี๋ยวพอรถออกแล้วเค้าค่อยเก็บ ไม่ต้องหาซื้อตั๋วอะไรทั้งนั้น พอคนเต็มรถก็ออกเหมือนเดิม ใช้เวลาราวๆ 30-40 นาที ก็ไปถึงตลาด ที่ช้าก็เพราะรถคันนี้เหมือนรถบัสทั่วไปคือจะมีการจอดรับ-ส่งคนตามทางไปเรื่อยๆ

รถข้ามแดน

พอถึงตลาดเช้าฝนก็ยังตกอยู่นะ ตกแรงขึ้นด้วย -_-” เราก็เดินไปแลกเงินที่ร้านแถวๆนั้นแหล่ะ เพื่อความง่ายในการใช้ เสร็จแล้วก็ไปซื้อร่มก่อนเลย ไม่งั้นวันนี้เปียกทั่วตัวแน่ๆ ในตลาดมีร่มขายอยู่ทั่วไป เราซื้อร่มพับมาอันนึง 90 บาท ถูกเชียว … ได้อุปกรณ์กันฝนแล้วก็ไปหารถพาเที่ยวต่อ … เดินออกจากตลาดก็จะมีแต่รถโดยสารมารายล้อม โดยเฉพาะสกายแลป เราคุยกับคันนึงให้พาเที่ยวสถานที่สำคัญทั้งหลาย+พาไปกินข้าวด้วย ต่อรองไปๆมาๆสุดท้ายได้ราคา 400 บาท (100,000 กีบ) คิดว่าเป็นราคาที่พอรับได้อยู่เลยตกลงไป

ที่แรกพาไปนี่เลย ประตูชัย(หรือประตูไซ) ไปถึงแล้วอยากเดินถ่ายรูปเยอะๆนะ แต่ฝนก็ตกเอาๆ แถมร่มที่เพิ่งซื้อมาก็พังอีกตะหาก ของคุณภาพก็ตามราคาจริงๆ -_- เลยไม่มีอารมณ์เดินขึ้นไปดูด้านบนเลยอ่ะ ได้แต่ถ่ายรูปด้านหน้ามายังงี้ T-T

ประตูชัย

ต่อด้วยสถานที่ที่ต้องไปเป็นอันดับ 2: พระธาตุหลวง สีทองอร่าม สวยมากๆ เดินวนรอบถ่ายรูปที่นี่อยู่นานพอสมควรเลย โชคดีที่ทางเดินรอบมีหลังคา เลยสามารถหลบฝนได้ด้วย

พระธาตุหลวง

หนองคาย-เวียงจันทน์ (145)

ออกจากพระธาตุหลวงแล้วจริงๆก็ยังไม่ค่อยหิวหรอก แต่ดูจากฝนแล้วยังไม่ยอมหยุดตกง่ายๆเลยแฮะ เลยคุยกันว่าไปพักทานข้าวก่อนละกัน ไหนๆตอนนั้นก็จะบ่ายสองแล้ว เลยบอกคนขับให้พาไปร้านเฝอที่แซ่บๆหน่อย ไปถึงแบบว่าฝนยังตกๆอยู่เลยไม่ได้ถ่ายรูปชื่อร้านเลย สั่งเฝอเนื้อ กับเฝอหมู อย่างละชาม อร่อยจริงจัง เฝอเนื้อจะใส่ผ้าขี้ริ้วมาให้ด้วย ส่วนเฝอหมูจะมีหมูกรอบมาด้วย หร่อยๆ

เฝอลาว

กินเสร็จเหมือนฝนจะหยุดไปแป๊บนึง เกือบดีใจ สุดท้ายก็ตกปรอยๆลงมาอีก ตกแบบน่ารำคาญนะเนี่ยะ!  ช่างเถอะ ทำใจๆ ไปจุดหมายต่อไปเลยละกัน คือ วัดศรีเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองของเวียงจันทน์

วัดศรีเมือง

ต่อด้วยหอพระแก้ว ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต

หอพระแก้ว

ถ่ายภายในหอพระแก้ว

ข้ามมาใกล้ๆกันจะเป็นวัดสีสะเกด ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นแห่งแรกในเวียงจันทน์

วัดสีสะเกด

จบจากวัดสีสะเกดแล้ว จริงๆก็เพิ่งบ่ายสามเองนะ สถานที่เที่ยวในเวียงจันทน์จะอยู่ใกล้ๆกัน เที่ยวแป๊บเดียวก็หมดแล้ว ตอนแรกว่าอยากจะย้อนกลับไปประตูชัยอีกที เพราะว่ายังไม่ได้ขึ้นไปข้างบนเลยเพราะตอนนั้นฝนตกค่อนข้างเยอะ แต่ ณ บ่ายสาม ฝนก็ยังพรำๆอยู่บ้าง เลยคุยกันว่างั้นไปตลาดเช้าเลยดีกว่า ไปเดินเล่นดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เลยโอเค บอกสกายแลปพาไปส่งกลับตลาดเช้า และจบการทัวร์ในเวียงจันทน์ด้วยประการฉะนี้

มาถึงตลาดเช้า ก็ไปต่อคิวรอสิ่งที่เล็งไว้ตั้งแต่ลงรถกันเลย ก็คือขนมปังฝรั่งเศส ที่สอดไส้หมูยอ หมูหยอง ผักต่างๆ เห็นแล้วน่ากินมากเลยเล็งไว้ กินแล้วชอบเลย แต่ถ้าให้ดีครั้งหน้าต้องบอกว่าไม่ต้องใส่ผักชีจะดีกว่า เพราะเราว่ากลิ่นผักชีแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกับขนมปังอ่ะ มันกินแล้วแปลกๆ นอกนั้นจะบอกว่าอร่อยมาก น้ำจิ้มที่ราดมาก็เด็ดด้วย อันใหญ่ๆโตๆที่เห็นสามารถกินหมดได้ ทั้งท่อนใหญ่ๆ  ทั้งๆที่เพิ่งกินเฝอชามใหญ่มาได้แค่ชั่วโมงเดียว!

ขนมปังฝรั่งเศส

กินเสร็จก็เดินเล่นตลาดแถวๆนั้นล่ะ ตลาดที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นะ มีพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าขาย ชั้น 2 มีเสื้อผ้าบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าสนใจ มีร้านขาย CD/DVD ด้วย อันนี้โอเคนะราคาถูกมาก อย่างแผ่น MP3 นี่คิดแล้วราคาประมาณ 15 บาทเองอ่ะ ถ้าซื้อกทม.ก็แผ่นละ 50 พวกแผ่น DVD ดูคร่าวๆก็ราวๆ 20-25 บาท สรุปก็เดินๆดูๆได้ไม่นานก็คุยกันว่ากลับกันดีกว่า เลยเดินกลับมาขึ้นรถทัวร์กลับไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ตรงจุดเดิมที่มาลงรถ รถที่นี่มีเก้าอี้เสริมด้วยนะ น่ารักดีแฮะ ^^

กลับถึงด่านก็ราวๆห้าโมงละ เดินเล่นดูของสักหน่อย แถวๆนั้นมี duty free ด้วย เลยเดินเข้าไปซื้อเบียร์ไต้หวันมาชิม มีหลายรสกันเลย เบิ้ลลิ้นจี่หลายกระป๋องหน่อย เพราะเป็นรสโปรด ออกมาก็ขอซื้อเบยลาวมาแจมอีกกระป๋องด้วย เพราะไหนๆก็มาแล้วนะ ต้องขอลองสักหน่อย เสร็จแล้วก็นั่งรถกลับด่านไทย คนแย่งกันขึ้นรถแบบไม่มีมารยาทกันเลย เฮ่อๆๆๆ แต่ก็เอาวะ นั่งแป๊บเดียว ห้านาทีก็ถึงแล้ว -_-

เก้าอี้เสริม-ด่านไทย

กลับถึงด่านไทยก็ไปตะลุยหาไอติมกินดีกว่า คิดถึงไอติมมะม่วง swensen’s เลยต้องไปจัดสักหน่อย ที่นี่มีห้างบิ๊กเจียง ที่มี Tesco Lotus อยู่ด้วย Swensen’s ก็อยู่ในนั้นแหล่ะ ด้วยความอยากจัด Mango Hurricane ไปซะเต็มๆ กินหมดไม่เหลือซาก แถมยังอยากกินต่ออีกตะหาก ไอติมนี่กินได้เรื่อยๆจริงๆเลยเรา

swensen's

ออกจากนี่ก็ไม่รู้จะไปไหนกันแล้ว อิ่มๆเลยเดินเข้า 7-11 ตุนขนม-ของกินเล่นกลับไปเปิดบรรดาเบียร์ลาว-ไต้หวันที่ซื้อมาดีกว่า อยากบอกว่าอร่อยทุกรส แต่ชอบสัปปะรดที่สุด รองลงมาก็ลิ้นจี่ แต่เบียร์ไต้หวันที่เป็นแบบธรรมดานี่อย่างไม่อร่อยเลย ส่วนเบียร์ลาวก็รสชาติคล้ายสิงห์นะ งั้นๆ กินทั้งเบียร์ กินทั้งสะเบียง อิ่มพุงจะแตกแล้วก็นอนหลับกันไป

beer-lao-taiwan

4 Mar 2013

วันนี้มีโปรแกรมไปเดินเล่นตลาดท่าเสด็จ ดูของสักหน่อย Check-Out เสร็จเรียบร้อยก็ถามพนักงานเหมือนเดิมว่ากินไรดี เค้าก็แนะนำว่าไปกินเฝอละกัน ไม่ก็ข้าวแกงร้านทานตะวัน (จริงๆทานตะวันควรไปกินเป็นอาหารเช้านะ แต่จะขายหมดเร็วมาก ต้องไปก่อนสิบโมง ถ้าหลังจากนั้นเมนูอาหารเช้าจะไม่มีละ จะขายอาหารกลางวันเป็นข้าวแกงแทน) เลยเลือกกินเฝออีกมื้อนึง ร้านนี้อยู่เลยร้านอิ่มเอมที่กินเมื่อวานไปอีกหน่อยนึง รสชาติก็อร่อยดี เหมือนก๋วยเตี๋ยวหมู/เนื้อตุ๋น มากกว่าเฝอนะ แต่เฝอที่ลาวหร่อยกว่าอ่ะ

เฝอ@หนองคาย

กินเสร็จก็เดินไปตลาดท่าเสด็จได้เลย ไม่ต้องเอารถไป เพราะใกล้กันมาก ที่ตลาดจริงๆก็คล้ายๆสำเพ็งบ้านเรานะ แต่จะบอกว่าสำเพ็งมีของขายเยอะกว่า แต่ที่นี่คนไม่เยอะเท่า เดินสบายกว่าอ่ะ ราคาก็ไม่ได้ถูกกว่าสำเพ็งเลยนะ เผลอๆแพงกว่าอีกตะหาก ของที่ขายก็ตั้งแต่ขนม กาแฟ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ของที่ระลึก กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ เดินเล่นฆ่าเวลาได้เพลินๆอยู่

ตลาดท่าเสด็จ

เดินเที่ยวเสร็จจะตีรถกลับอุดรฯละ ขอแวะซื้อหมูยอเป็นของฝากหน่อย 4square ดูเจอร้านหมูยอแม่ถ้วน ติดอันดับ เลยขับรถไปซื้อเลย ร้านอยู่ถนนมีชัย ใกล้ๆตลาดท่าเสด็จนั่นแหล่ะ (หลังจากเอากลับมาฝากแล้วได้รับการ confirm ว่าหมูยอร้านนี้อร่อยมากๆ จากท่านแม่ & เจ๊ปู ลิ้นเทพ)

จากนั้นก็ตีรถกลับอุดรฯกันเลย กะว่าจะไปแวะวัดป่าบ้านตาดเพื่อไปกราบหลวงตามหาบัวซะหน่อย แต่ดันหลงไปหลงมาจนเวลาจะหมดแล้ว สุดท้ายเลย cancel ไปแล้วแวะไปทานวีทีแหนมเนืองเป็นมื้อสุดท้ายก่อนกลับแทน ไปถึงด้วยความอยากกินแหนมเนือง สั่งชุดกลาง (8 ไม้)  กระยอทอด (ปอเปี๊ยะทอด)ชุดเล็ก (แต่มาแบบไม่เล็กเลย) แล้วก็ หมูยอทอด สรุปกินแหนมเนืองไปคนเดียว 6 ไม้ กับกระยอทอดอีกกว่าครึ่งจาน จุกไปอีกวันเลยอ่ะ -_- แต่อยากบอกว่าประทับใจอาหารของวีทีมากกว่าแดง เพราะอาหารมาแบบสดๆอุ่นๆ แต่ตอนกินที่แดงนี่มาแบบเย็นชืดทุกอย่าง ไม่โอเคเป็นอย่างมาก สุดท้ายก็เลือกซื้อแหนมเนืองของที่วีทีนี่แหล่ะกลับไปฝากท่านแม่ … จริงๆแล้วถ้าแดงทำมาแบบอุ่นๆไม่เย็นชืดอาจจะอร่อยกว่าก็ได้นะ อุณหภูมิของอาหารก็เป็นส่วนสำคัญในการกินให้อร่อยเหมือนกัน

วีทีแหนมเนือง

กินเสร็จก็บึ่งรถไปสนามบินเพื่อคืนรถกันเลย เสียดายที่มาทริปนี้ไม่ได้แวะอะไรในตัวเมืองอุดรฯเลย จริงๆอยากไปเดินเล่น UD Town แหล่งฮิปของที่นี่นะ แต่พอดีไม่มีเวลาแล้ว เอาไว้มาเก็บทริปหน้าละกัน พอดีโดมจองไว้อีกทีเดือนสิงหาฯแบบ 2 วัน 1 คืน คงได้เที่ยวเล่นอยู่ในเมืองนี้แหล่ะ เดี๋ยวถึงตอนนั้นมารีวิวเฉพาะอุดรฯอีกที 🙂

สรุปว่าทริปนี้ อากาศวันแรกที่มาถึงค่อนข้างร้อน ส่วนวันที่สองฝนตกก็เลยอากาศเย็น วัดได้ประมาณ 21 องศาตอนช่วงเย็น วันที่สามก็หนาวๆใกล้เคียงกันถึงฝนจะไม่ตกก็เหอะ อากาศบ้านเราเดี๋ยวนี้ช่างแปรปรวนดีแท้ -_- แต่รวมๆแล้วทริปนี้ก็เที่ยวสไตล์ชิลๆมากกว่าทริปอุบลฯคราวที่แล้ว เพราะที่อุบลฯสถานที่เที่ยวมันอยู่ไกลกันมาก ต้องตะลอนๆเยอะ แต่ทริปนี้ทั้งที่เที่ยวในหนองคาย-เวียงจันทน์ มันอยู่ใกล้ๆกันหมดเลย เลยค่อนข้างสบายกว่า ถามว่ามีอะไรดึงดูดให้กลับไปอีกไหม ตอบได้ว่า “ไม่มี” 555++ ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า สังเกตุตัวเองว่าคงเป็นคนที่ชอบทะเลมากกว่า เพราะถ้าเป็นทะเล ไม่ว่าจะที่ไหน จังหวัดไหน ก็อยากกลับไปอีก แต่ที่เที่ยวที่อื่นอย่างเชียงใหม่ เขาใหญ่ วังน้ำเขียว สวนผึ้ง หรืออะไรที่ไม่ใช่ทะเลเนี่ยะ ขอไปครั้งเดียวก็พอละ

Comments