Malaysia แบบ no plan [Genting Highlands & Kuala Lumpur]
ที่มาที่ไปของทริปนี้เกิดจากมี Voucher ซื้อตั๋วเครื่องบิน+โรงแรมได้ลดราคาอยู่อย่างละ 2 พันบาทที่กลัวว่าจะลืมใช้ เลยหาเรื่องเที่ยวดีกว่า คิดไปคิดมา ดูราคาตั๋ว/โรงแรม ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ เทียบๆกันดูแล้วก็มาลงตัวที่มาเลเซียด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เคยไป รวมทั้งราคาตั๋วเครื่องบิน+โรงแรมไม่ต่างกับไปเที่ยวไทยเลย ค่าครองชีพของมาเลเซียก็พอๆกันกับบ้านเรา แถมราคานี้ได้บิน Full Service อย่าง Malaysia Airline ซะด้วย ถ้าเที่ยวในประเทศส่วนใหญ่ก็จบที่ Low Cost Airline ในราคาพอๆกัน
ตกลงเรื่องสถานที่ได้เรียบร้อยก็ลงมือจองเลย ตั๋วเครื่องบิน & โรงแรมจองผ่าน Traveloka ทริปนี้ไปเที่ยวกัน 4 วัน 3 คืน ช่วงวันที่ 10-13 Feb 2017 บางคนถามว่าทำไมไม่เที่ยวฉลอง Valentine วันที่ 14 ไปด้วยซะเลย คำตอบคือมันดูจงใจเกินไป ลางานวันที่ 14 ไปเที่ยว เดี๋ยวโดนแซว 555++ ไม่ช่ายละ คือตอนจองไม่ได้คิดจริงจิ๊งงงนะ ครั้งนี้เป็นคนจองเอง เจ๊เปิ้ลไม่ได้จัดการ เลยคิดน้อยอ่ะ ^^” งานนี้เลยได้ Flight + โรงแรม และแพลน(ที่ไม่ค่อยมี) คร่าวๆมาตามนี้
Flight: Malaysia Airline –> ไป-กลับ 2 คน 6,803 บาท แต่ใช้ voucher ลดไป 2,000 สรุปจ่ายไป 4,803 บาท
- BKK-KUL Flight MH-705 11:05 – 14:15
- KUL-BKK Flight MH-776 19:50 – 20:55
Hotel:
- คืนแรกพัก First World Hotel บน Genting Highlands เลือกห้อง Y5 Deluxe Room จ่ายไป 1,443.73 (ไม่รวมอาหารเช้า)
- คืนที่ 2-3 พัก Invito Hotel ใน Kuala Lumpur เลือกห้อง Studio Deluxe พักที่นี่ 2 คืนรวม 4070.29 แต่ใช้ voucher ลดไป 2 พัน สรุปจ่ายจริงแค่ 2070.29 บาท
การเดินทาง
- วันแรกนั่ง Aero Bus จากสนามบินไป Genting Highlands คนละ 35RM ใช้เวลาเกือบ 2 ชม.
- ลงจาก Genting Handlands โดยนั่งกระเช้า Avana Sky Way ที่ชั้น 4 ของ Sky Avenue ลงมาที่ Avana Bus Terminal ด้านล่าง คนละ 8RM แล้วต่อรถไฟไปย่าน Bukit Bintang [ข้อมูลเพิ่มเติม Avana Sky Way]
- นั่งรถไฟ/Taxi/เดิน ระหว่างอยู่ใน KL
Sim Card : ซื้อเอาที่สนามบินเลย มีให้เลือกหลายเจ้าทั้ง Celcom, Digi, Maxis สำหรับครั้งนี้เราใช้ Digi เลือกแบบ 7 วัน ได้ Data 1.5 GB, โทรได้ 30 นาที ราคา 20 RM
10 Feb 2017
นัดเจอเปิ้ลที่สุวรรณภูมิตั้งแต่เช้า เพราะเป็นวันศุกร์รถจะติดถ้าออกสาย หลังจากโหลดกระเป๋า ผ่าน security check & ตม.เรียบร้อยก็ไปหาอะไรกินในเลานจ์ของ King Power ดีกว่า ถ้ามาตอนเช้าที่นี่จะมีโจ๊กเด็ดมากๆเกือบเทียบได้กับโจ๊กฮ่องกงเลยแหล่ะ มาช่วงเช้าแบบนี้คนเต็ม Lounge แต่รอไม่นานก็มีที่ว่าง ระหว่างนั่งเล่นไปกินกันไปก็ดูจอไป เจอว่า Flight Delay ไปราวๆ 45 นาที พวกเราเลยไม่รีบ นั่งเล่นอยู่ในเลานจ์ต่อไปจนได้เวลา นี่เป็นหน้าตาของลำที่เราจะบินกันวันนี้
พอได้เวลาก็ขึ้นเครื่อง Flight MH-705 ที่จริงๆต้องออกเวลา 11:05 สุดท้ายกว่าจะ Take Off คือเกือบเที่ยง ที่นั่งก็นั่งได้โอเคดีอยู่ กว้างใช้ได้ ไม่อึดอัด อาหารรสชาติธรรมดาๆ แอร์บริการแบบไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเค ไม่มีอะไรแย่
มาถึง KLIA ผ่านตม.ออกมาก็แวะซื้อ Sim ก่อนจะได้ใช้เนทได้ระหว่างที่อยู่ที่นี่ มีให้เลือกหลายค่ายทั้ง Digi, Maxis, Celcom เราเลยลองเลือกใช้ Digi แบบแพคเกจ 7 วัน 1.5 GB โทรได้ 30 นาที ในราคา 20 RM ถือว่าโอเคเลยนะ สัญญาณถือว่าพอใช้ได้ แต่ของเปิ้ลเห็นบอกว่ามีปัญหาบางที ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เราไม่เป็น เลยไม่รู้ว่าเป็นที่มือถือเปิ้ลเองป่าวแฮะ
มีเนทใช้เรียบร้อย ก็เดินงงๆหาทางไปขึ้น Aerobus อยู่พักนึง คือสรุปว่ามันต้องเดินลงไปชั้นล่าง และเดินต่อไปอีกอาคารนึงผ่านทาง Food Court ตอนแรกดูทางแล้วงงๆว่าอ้าวนี่มัน food court นี่หว่าสงสัยจะไม่ใช่ สรุปว่าถูกแล้วนะ เดินลากกระเป๋าผ่าน food court ไปตามทาง แล้วก็จะเจอ Bus Terminal อยู่ด้านล่าง ไปถึงก็ซื้อตั๋วไป Genting Highlands ที่ counter กันก่อนเลย ราคาคนละ 35RM รถจะออกเป็นรอบๆ เราได้รอบ 4:45PM เลยมีเวลาก่อนรถออกอีกราวๆ 40 นาทีเลยหาอะไรกินเล่นๆแถวนั้นรอไป ถ้าอยากกินของหนักก็มีร้านอาหาร หรือถ้าอยากกินขนมก็มีร้านสะดวกซื้อด้วยเหมือนกัน
พอได้เวลาจนท.ก็เปิดให้ขึ้นรถ กระเป๋าลากสามารถเอาใส่ไว้ใต้ท้องรถได้ ตั๋วรถจะมีการระบุที่นั่งไว้แล้ว รถออกได้ตรงเวลาดี ตอนแรกรถโล่งเลยมีคนนั่งรวมพวกเราแล้วแค่ 5-6 คน แต่สรุปคือรถเค้าวนไปรับคนต่อที่ KLIA2 ตรงนี้แหล่ะมีคนขึ้นมาอีกเยอะจนเกือบเต็มคัน
นั่งไปยาวๆเกือบ 2 ชม.ก็มาถึง Genting Highlands รถจะจอดให้ลงด้านหน้าของ First World Hotel เลย สะดวกดี เดินเข้าไป Check-in ภายในรร.ก่อนเลย โดยเราสามารถ Check-in ได้เองเลยที่ Kiosk ที่มีอยู่เพียบ แต่ถ้างงๆเค้าก็มีพนักงานคอยช่วยอยู่ด้วย
Check-in แล้วก็เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องกันก่อน เราจองมาเป็นห้องแบบ Y5 Deluxe ดูจาก web แล้วดูใหม่กว่าห้องแบบอื่น แต่ก็เดินมาไกลสุดเลยนะ ถ้าพาผู้ใหญ่มาด้วยไม่แนะนำ ตัวห้องเค้าโอเคอยู่ ค่อนข้างแคบ ไม่ค่อยจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไร แต่ไม่เป็นไร อยู่แค่คืนเดียวขำๆ
เก็บของเสร็จก็ลงมาเดินเล่นด้านล่างกัน ภายใน First World Plaza จะเป็นเหมือนสวนสนุกในร่ม และมีเวทีที่มีการแสดงมาให้นักท่องเที่ยวชมฟรีเรื่อยๆ นอกจากเครื่องเล่นด้านในแล้วยังมี Fantasy World, Bowling ชั้นบนด้วย แล้วก็จำพวกร้านค้าต่างๆให้เดิน Shopping ได้ประมาณนึงเลย
ร้านอาหารในนี้ก็มีเยอะเหมือนกัน แต่เราขอลองไก่ทอด Marrybrown ร้านดังของมาเลเซียก่อน และด้วยความเป็นสาวกไก่ทอดของเปิ้ล งานนี้พลาดไม่ได้แน่นอน ร้านนี้คนเข้าเยอะตลอดเวลา แต่ก็ไม่ถึงกับแน่น หาที่นั่งได้เรื่อยๆ หลังจากชิมแล้วก็ต้องบอกว่าอร่อยจริงๆนะ รสชาติการหมักไก่เค้าเข้าเนื้อมากกว่าผู้พัน ดีงามถึงขนาดหลังจากกินรอบแรกเสร็จก็ไปเดินเล่น แล้วก็วกกลับมากินอีกรอบ ก่อนกลับไปนอนได้สบายพุง 555++
สองรอบที่กิน สั่งไปตามนี้ 1. Hotouch Burger Combo (15.40) 2. Lucky Plate Combo (20.80RM) + ไก่ทอดอีกชิ้น (5.85 RM) 3. Fish ‘n’ Chips (19.00RM)
11 Feb 2017
ตื่นมาสายๆแบบขี้เกียจๆ แล้วเราก็เก็บของ ลากกระเป๋าลงมา check-out เลย คือแหล่งของกินมันไกลจากตัวตึกอยู่นะ เลยทำการ check-out แล้วฝากกระเป๋าไว้ตรงที่รับฝาก เสร็จแล้วค่อยไปหาของกินกันต่อ
ด้วยความหิว เดินผ่านร้านข้าวแกง ดูมีอะไรให้เลือกกินเยอะดี เลยขอลองซะเลย อยากกินอะไรก็ชี้ๆเอา แต่ด้วยความไม่รู้ (และเราก็ไม่ได้ถาม) เราก็สั่งแบบสไตล์ไทยๆเลย คือนั่นนิด นี่หน่อย จะได้กินหลายๆอย่าง สรุปเค้าคิดราคาเป็นอย่างๆ เราโปะกันไปคนละ 4-5 อย่างนี่ โดนคิดราคาแพงโค่ด มื้อนี้ข้าวแกงสองจาน + น้ำ 2 แก้ว โดนไป 106.90RM! รสชาติก็พอใช้ได้ แต่ไม่ได้อร่อยอะไรเป็นพิเศษด้วย กินไปเจ็บใจไปอยู่พักนึง แต่ก็เอาวะ ช่างมัน เราไม่ถามให้ดีเองนี่หว่า 😥
กินอิ่มเรียบร้อย ก็เดินสำรวจ จาก First World Plaza มันจะมีทางเดินออกไปเชื่อม Sky Avenue ที่เพิ่งสร้างไม่นาน ด้านบนชั้น 4 ของที่นี่จะเป็น Avana Sky Way ที่เดี๋ยวเราจะต้องไปขึ้นกระเช้าลงไปด้านล่าง ตึกนี้มีร้านค้า brand ดังๆ ร้านอาหารเกรดดีๆ เปิดเยอะเลย ห้างยังใหม่กิ๊กมาก เราเดินเล่นวนไปวนมาเป็นการย่อยซะหน่อย พอเดินขึ้นไปถึงด้านบนเจอเข้ากับ Food Court ดูดีอีกที่นึง เสียดายกินมาแล้ว เพราะที่นี่ดูมีราศี น่ากินกว่าใน First World เยอะเลย >_<
เดินขึ้นไปชั้นบนอีกหน่อยจะเจอ Vision City Game Park เปิ้ลหันมาทำตาวิ๊งๆอยากเล่น อ่ะๆจัดไปจ้า เล่นจนได้ popcorn มาถังนึง อร่อยอยู่ๆ
หลังจากนั้นเราก็กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วมาขึ้นกระเช้าเพื่อจะลงไปด้านล่าง เราขึ้นลิฟต์ตรงแถวด้านหน้า lobby ของโรงแรมไปที่ชั้น 4 แล้วเดินยาวๆไปขึ้นกระเช้า Sky Way กระเป๋าเดินทางสามารถเอาขึ้นกระเช้าได้ แต่จะมี size limit อยู่ ถ้าใหญ่เกินต้องเสียตังค์เพิ่ม ตอนแรกก็ยังเสียวๆว่าของเปิ้ลจะใหญ่เกินมั๊ย แต่สุดท้ายเค้าก็ให้ผ่านไป ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มนะ ค่ากระเช้าจ่ายไปคนละ 8RM
วิวระหว่างลง นั่งกันไปยาวๆเลย ผ่านวัดจีน Chin Swee Caves Temple ที่ปกติคนมาเที่ยว Genting Highlands ก็จะแวะมาเที่ยวด้วย แต่เราขี้เกียจ 555++ คือไม่ได้อินแนวนี้มาก เลยข้ามละกันนะ ขอชมจากบนกระเช้าแทน แห่ะๆ
ลงมาถึงกระเช้าด้านล่างแล้วก็ลงบันไดเลื่อนไปชั้น LG เพื่อจองตั๋วรถบัสเข้าตัวเมืองกัน ตอนแรกที่แพลนไว้ตามที่หาข้อมูลมาคือต้องนั่งรถไปลงที่ KL Sentral แล้วค่อยต่อ Monorail ไปลง Raja Chulan แต่เวลาตอนที่ไปถึงนั่นต้องรอรถที่จะไป KL Sentral อีกหลายชม. เลยถามเจ้าหน้าที่ว่ามี option อื่นมั๊ย เค้าเลยแนะนำให้นั่งรถไปลงที่สถานี Titiwangsa แทน ซึ่งก็ต่อ Monorail ได้เหมือนกัน พวกเราเลยเลือกไปลงที่นี่แทน รถจะออกอีกไม่เกินครึ่งชม.
นั่งรถมาถึงสถานี Titiwangsa ตรงนี้เป็นเหมือนท่ารถย่อมๆ อยู่ติดกับสถานี Monorail เลย สะดวกมาก จากสถานี้นี้เราก็นั่งไปลงสถานี Raja Chulan เพื่อไป check-in รร. กัน
ใน KL เราเลือกพักที่ Invito Hotel อยู่ในย่านใกล้ที่เที่ยวกลางคืน pub bar ของที่นี่ (เจตนารมณ์ชัดเจนมากก ) และเดินไป Jalan Alor หรือย่าน Shopping Bukit Bintang ไม่ไกล แถมตัวห้องนี่สไตล์ Modern ทีวีจอใหญ่ ห้องกว้าง เตียงนอนสบายมาก ตู้เย็นขนาดใหญ่ มีเคาน์เตอร์ครัว ห้องน้ำมีสายชำระ คือครบทุกอย่าง ติดข้อเดียวเองคือเสียงจากพวก pub นี่ดังขึ้นมาถึงชั้นบนๆที่นอนอยู่เลย เหมือนได้ยินเสียงเพลงตื้ดๆกล่อมให้นอนอ่ะ 555++
ตกเย็นพวกเราก็เดินออกไปหาของกินกัน ระหว่างทางเราจะเดินผ่านย่าน pub bar บนถนน Changkat Bukit Bintang ที่อยู่ใกล้กับรร.เรามาก เดินสำรวจ promotion ไว้ซะเลย ช่วงเย็นคนยังน้อยมาก เดินสบายๆ ระหว่างทางแวะถ่ายรูป Wall Art หน่อย
ได้ตัวอย่าง promotion น่าสนใจไว้ละ (แต่สุดท้ายก็ไม่เคยมาทันโปรฯที่ดีที่สุดเล้ยยย)
เดินกันต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึง Jalan Alor Street Food ถนนนี้มีร้านอาหารตั้งแต่หัวถนนจนสุดถนนเลย อาหารแต่ละร้านก็คล้ายๆกัน นอกจากที่เป็นร้านๆแล้วก็มีร้านที่เป็นแนวรถเข็นน่ากินหลายร้านเหมือนกัน
พวกเราเริ่มจากไปซื้อติ่มซำจากร้านที่เห็นในรีวิวกันก่อน ชื่อร้าน Hand Made Dim Sum ติ่มซำร้านนี้ลูกใหญ่มาก รสชาติก็อร่อยใช้ได้เลย แต่อย่าเอาไปเทียบกับติ่มซำตามรร. หรือที่ฮ่องกงนะ คนละสไตล์
ได้ของกินเล่นแล้วก็เลือกเข้าไปนั่งที่ร้าน Meng Kee Grill Fish จากเหตุผลที่ว่าพนักงานเชิญชวนดูเป็นมิตรดี 😆 สั่งอาหารขึ้นชื่อตามที่เห็นๆมาในรีวิวมาลองซะหน่อย อย่างสะเต๊ะ และไก่ย่างหนังกรอบ พร้อมทั้งก๋วยเตี๋ยวผัด กับไข่เจียวหอยนางรม เอาจริงๆ รสชาติธรรมดาทั่วๆไป ไม่ถึงกับว้าว
กินของคาวเสร็จตบของหวานซะหน่อย เห็นร้านไอศกรีม Sangkaya อยู่ติดกับร้านนี้ เลยลอง Check Rating ใน Foursquare เจอว่า Rating ดีมาก เลยจัดมา ไอศกรีมมาในลูกมะพร้าว ให้ใส่ topping ได้เอง อร่อยสุดๆสม Rating จริงๆ ถ้ามาแนะนำให้ลอง!
กินกันอิ่มจัดแล้วก็ไปเดิน Survey ย่าน Shopping แถว Bukit Bintang พักนึง ก่อนที่จะไปหาที่จิบเบียร์กันก่อนเข้ารร.คืนนี้ เริ่มที่สถานี Air Asia Bukit Bintang ถ่ายตอนกลางคืนก็สวยดีนะ อยู่ติดๆกับ H&M เลย เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเจอห้าง Fahrenheit 88 กับ Pavilion
สำหรับร้าน Pub Bar ต่างๆจะอยู่บนถนน Changkat Bukit Bintang ใกล้รร.มากๆ และแทบทุกร้านจะมี Happy Hour คือถ้ามาช่วงนี้ เบียร์จะถูกมาก เบียร์ที่นี่มีให้เลือกหลายยี่ห้อ โปรโมชั่นของแต่ละร้านก็จะหลากหลาย แตกต่างกันไป เราเดินไปเดินมา เจอทางพนักงานของร้าน Sutraa ที่เดินมาสำรวจโปรฯตั้งแต่ช่วงเย็น ชวนเข้าร้านพร้อมเสนอ Free Cocktail ให้ด้วย เลยเดินเข้าร้านกันไปเลย ร้านนี้มี 2 ชั้น เราขึ้นไปนั่งที่ชั้น 2 เริ่มจากกิน Cocktail Free เป็นการ Kick Start ให้หน้าตึงๆก่อน แล้วต่อด้วย Tiger Beer Promotion Buy 1 Free 2 ในราคา 60++ RM (ใน menu บอก 65++ แต่พอคิดเงินจริงคิดแค่ 60++) พร้อมสั่ง Fries มาแกล้มไปด้วย Tiger Beer นี่ก็อร่อยดีนะ เราชอบมากกว่าสิงห์อ่ะ ที่นี่ Fries ราคาแค่ 8RM เอง ถูกมากก แถมอร่อย ดีงามจริงๆ
นั่งเล่นอยู่ที่ร้านพักใหญ่ ก็ออกจากร้านแวะ KK Supermarket ซื้อน้ำ ขนม เบียร์ กลับไปตุนที่ห้องด้วย ที่นี่ก็มี 7-11 แต่พวกเบียร์นี่อย่างแพงเลย อยู่นี่เราเลยเน้นเข้า KK แทน แนวบ้านๆกว่าหน่อย แต่ของเยอะและไม่แพง
12-Feb-2017
วันนี้เป็นวันแห่งการ Shopping & ชมเมือง ตอนแรกที่จะมามาเลเซีย เปิ้ลมีแพลนไป Batu Cave ด้วย แต่ไปๆมาๆเปลียนใจตัดออกไปเพราะอยากชิลกันมากกว่า (จริงๆคือคุณนายน่าจะอยากใช้เวลา Shopping มากกว่าด้วยแหล่ะ #แอบนินทา ) เพราะงั้นวันนี้เราเลยชิล ตื่นกันแบบสายๆมาก แล้วก็มาเริ่มมื้อกลางวันมื้อแรกกันเลยที่ Sun Fong Bak Kut Teh ร้านดัง เราใช้วิธีเดินมาจากรร.เลย ระยะทางเดินเกิน 1 กิโลฯ แต่ก็เป็นการเรียกน้ำย่อยให้หิวๆไปด้วย เดินตาม Google Maps มาก็เจอ ร้านค่อนข้างใหญ่ มีทัวร์ลงด้วย แต่เราไปถึงกันก็บ่ายสองละร้านเลยโล่ง เอาจริงๆตอนแรกพวกเราไม่ได้ตั้งใจจะมาร้านนี้นะ แต่จะไปร้าน Ah Hei Bak Kut Teh ที่อยู่ติดๆกันมากกว่า เป็นร้านเล็กกว่าแต่ Rating ดีกว่า แต่ตอนไปถึงเค้าขายหมดแล้วเลยอด ต้องมาลงที่ร้านนี้ที่เป็น option #2 แทน
สั่งบักกุ๊ดเต๋มาสำหรับ 2 คน พร้อมข้าว แล้วก็สั่งตับ/ซี่โครงหมู/ปาท่องโก๋มาเพิ่มต่างหาก กินกันเรียบ อร่อยดีแต่โดยรวมเราประทับใจ Song Fah ที่สิงคโปร์มากกว่า อันนั้นเทพจริงๆ ส่วนร้านนี้ถือว่าโอเค ให้ 7/10 มื้อนี้ 71.25 RM
กินอิ่มเรียบร้อย เปิ้ลเริ่มตะลุย Shopping เริ่มกันที่ Sungei Wang Plaza ที่นี่มี Shop Vincci และมีร้านเสื้อผ้า Fashion แบบไม่ High End มากอยู่เยอะ คุณนายก็ shop รัวๆ
ระหว่างเปิ้ลช้อปปิ้งเราก็ไปจิบกาแฟรอที่ Old Town White Coffee หน้าห้าง แต่กาแฟไม่ค่อยอร่อยอ้ะ 🙄
ออกจาก Sungei Wang ก็เดินข้ามถนนเพื่อจะไปเดินเล่น Pavilion ต่อ ระหว่างทางเจอร้าน Tokyo Secret ชีสทาร์ตน่ากินมาก จัดเลยทันทีอันละ 7.90 RM อร่อยล้ำดีงามใน 3 ปฐพี!! อันนี้ขอบอกเลยว่าชอบมากกว่า Pablo, Bake และ MX ใครมาแถวนี้แนะนำให้ลองถ้าเป็นสาวกชีสทาร์ต!!
เคลิ้มกับชีสทาร์ตเสร็จ เดินต่อไปอีกนิดก็ถึง Pavilion ด้านหน้าและด้านในก็ยังแต่งธีมตรุษจีนอยู่ สีสันสดใจซาบซ่ามากกกกก
เดินสำรวจห้างกันพักนึง แล้วก็แวะลงไปชั้นล่าง ชิมไอศกรีมโยเกิร์ตร้าน llaollao ที่เห็นว่า rating สูงมากใน Foursquare กัน สั่งมาเป็น Size M ราคา 14.90RM เลือกได้ 3 Toppings อันนี้บอกเลยว่าอร่อย สดชื่น ดีงามมากๆๆๆๆ ยกให้เป็น #1 ไอศกรีมโยเกิร์ตในดวงใจไปแล้ว เนื้อไอศกรีมเค้านุ่มนวลละมุน เปรี้ยวหวานกำลังดี ลงตัวมากๆ คือจะบอกว่าให้สั่ง Size L มากินเปล่าๆคนเดียวยังได้ 555++
เดินเล่นอยู่ในพารากอนจนเกือบเย็น เห็นยังพอมีเวลาเลยไปต่อกันที่ Petaling Street (Chinatown) & Central Market ซะเลย 2 ที่นี้อยู่ใกล้ๆกันพอดี ย่านนี้เป็นแหล่งซื้อขนม ของฝาก ของที่ระลึกในราคาไม่แพง วิธีการมาที่นี่จาก KL Sentral นั่ง LRT แค่สถานีเดียวมาลงที่ Pasar Seni ที่อยู่ด้านหน้าของ Central Market เลย แต่ตอนที่คิดว่าจะมาที่นี่พวกเราอยู่กันแถว Pavilion เปิด Google Maps ดูแล้วไม่ไกล เลยขึ้น Taxi เลยดีกว่า เรท Taxi ที่นี่ไม่ต่างจากบ้านเรา ได้ความสะดวก & ประหยัดเวลา
ภายใน Petaling Street ก็ไม่มีอะไรมากมาย ขายพวกของฝาก เสื้อผ้า กระเป๋า เราชาวไทยเดินแล้วไม่ตื่นเต้นอะไร เลยเดินอยู่แป๊บเดียว แล้วก็เดินไป Central Market ต่อ อยู่ห่างกันไปไม่ไกล
ระหว่างทางเดินไป Central Market ผ่านวัดนึง เห็นทัวร์มาลงกันเยอะเลย
เดินไม่ไกลก็มาถึง Central Market ละ ด้านในก็เน้นขายของฝาก ของที่ระลึก และ Chocolate เยอะมาก คนชอบ Chocolate คงชอบประเทศนี้นะเนี่ยะ เป็นของขึ้นชื่อของเค้าเลย
เดินเล่นจนเริ่มค่ำละ เราก็กลับถิ่นฐานกันดีกว่า คืนนี้เล็งร้านแถวโรงแรมไว้ละ ยังไงต้องโดน Hoegaarden เย็นๆให้ได้ สุดท้ายมาจบที่ร้าน Movida ร้านนี้หน้าตาดี ดูคนไม่วุ่นวาย พนักงานบริการยังกะอยู่ในโรงแรม ของกินที่สั่งมาแกล้มเบียร์ก็อร่อย โอเคมากร้านนี้ เราไปกันหลัง 3 ทุ่ม เลยได้เป็น Promotion Buy 1 get 1 Hoegaarden ในราคา 55++ RM ตกแก้วละ 260 บาท ก็ถือว่าโอเคอยู่นะ แต่ถ้าจะให้ดีมาก่อน 3 ทุ่มจะได้ 3 แก้วในราคา 55++ อันนี้จะคุ้มสุดๆ อาหาร 4 อย่าง + Hoegaarden 4 แก้ว จ่ายไป 210.10 RM รวม Service Charge 10% ภาษี 6% แล้วยังถูกกว่าเมืองไทยชัดเจน
จัด Hoegaarden กันไปคนละ 2 แก้ว พร้อมกับแกล้ม พุงตึง หลับสบายยยย
13-Feb-2017
ภาระกิจของวันนี้มีแค่ 2 อย่าง คือไปถ่ายรูปกับตึกแฝด + แวะกิน Wendy’s ร้าน Burger ที่ไม่มีในเมืองไทย เสียดายเคยมีที่สิงคโปร์ก่อนหน้านี้แต่ปิดไปแล้ว วันนี้เราเลยตื่นกันมาอย่างสาย เก็บของ ทำเรื่อง Check-Out จากรร. แล้วฝากกระเป๋าไว้ จากนั้นก็นั่ง Taxi จากแถวรร.ไปห้าง Suria KLCC ที่มีตึกแฝด Petronas Tower ตั้งอยู่ ถ้ามาที่ KL แล้วไม่มาถ่ายรูปที่นี่ คนเค้าจะว่าเอาได้ว่ามาไม่ถึง
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ ตึกแฝดเอาไว้ก่อน เราเดินลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่างไปที่ Wendy’s กันก่อนเลย ดูเมนูแล้วก็อยากลองหลายอย่างมาก สุดท้ายก็ต้องเลือกจิ้มมาแค่ 3 อย่าง จ่ายไป 47RM คือประมาณ 400 บาท เราว่าไม่แพงเลย เพราะถ้ากิน Combo แบบนี้ที่ Carl’s Jr หรือ Burger King ที่เมืองไทยแพงกว่าอีก ไม่อร่อยเท่านี้ด้วย
ของเราสั่งเป็น Beefanator Combo มาพร้อมน้ำ+Fries Set นี้ราคา 23.50RM รสชาติต้องบอกอร่อยสุดๆๆๆๆ เราให้แซง Carl’s Jr ที่เป็น #1 Fastfood Burger ในใจของเรา (ที่มีในไทย) ไปแล้ว รสชาติเนื้อเค้ามันชุ่มฉ่ำกำลังดี ย่างมาหอม เนื้อ 2 ชั้นพร้อมชีสและเบคอน รวมทั้งเนื้อขนมปังที่อร่อยกว่าคู่แข่งที่เคยกินทุกเจ้า อันนี้บอกเลยว่าสาวกเบอร์เกอร์เนื้อไม่ควรพลาด!! ส่วน French Fries ของที่นี่ก็อร่อยมาก ไม่แพ้คู่แข่ง อยากบินกลับมาที่นี่อีกเพราะร้านนี้เลยนะเนี่ยะ 555++ 😆
อีกชุดของเปิ้ลสั่งเป็น Spicy Chicken Sensation Combo ราคา 14.50RM เห็นบอกว่าอร่อยมากเหมือนกันนะ เราได้ลองชิมไปคำนึงก็อร่อยจริงๆ
อยากลองไก่ทอดเค้าด้วย จัดมาอีก 2 ชิ้น 9RM ไก่ก็อร่อยดี แต่ Marrybrown อร่อยกว่านะ
อิ่มกันเรียบร้อยไปจุดหมายที่ 2 ต่อได้ … Petronas Tower จากในห้าง Suria จะมีทางเดินออกไปที่จุดถ่ายรูปได้เลย ณ ตอนนั้นก็ราวๆบ่าย 2 แระ แดดแรงจัดๆ นักท่องเที่ยว ก็เยอะ แต่ด้วยความไม่กลัวดำ(มาก) พวกเราก็เลยรอหา shot ที่โล่งๆถ่ายแบบไม่ให้ติดใครมาจนได้
จากนั้นก็กลับไปเดินเล่นต่อแถว Bukit Bintang อีกพักนึง ที่ไม่ต้องรีบเพราะเครื่องออกตั้ง 19:50 แหน่ะ เลยเดินเล่นต่อได้สบายอารมณ์แล้วค่อยเดินกลับรร.ไปเอากระเป๋า เราให้ทางรร.ติดต่อรถ Taxi ไปสนามบินไว้ให้แล้ว จากรร.ไปสนามบินใช้เวลาราวๆ 50 นาทีรถติดในเมืองบ้างนิดหน่อยแต่ไม่หนัก เราเผื่อเวลาไว้แล้วแต่รถติดน้อยกว่าที่คิดเลยมาถึงเร็วก็รอ Check-In กันไป สนามบินที่นี่คนน้อยดีแฮะ
ภายในสนามบินทั้งด้านใน-ด้านนอกมีขาย Chocolate เยอะมาก มีหลายยี่ห้อ หลายร้าน ที่นี่เค้าเน้น product นี้จริงๆ ภายในก็มีร้านให้ shopping บ้าง แต่เด่นสุดก็ chocolate นี่แหล่ะ แถมมีร้าน Harrod’s ซะด้วย
เปิ้ลดูของฝากเรียบร้อย ก็ค่อยไปนั่งหาของกินรอเวลาเครื่องออกกันที่ Old Town White Coffee ร้านนี้ใหญ่ วิวดี เป็นที่รอเวลาขึ้นเครื่องได้ดีมากๆ
เราสั่ง Nasi Lemak + ไก่ทอด ราคา 13.90RM เพิ่งเคยกิน Nasi Lemak ครั้งแรก ข้าวเค้าเป็นเอกลักษณ์ กินคลุกพร้อมๆเครื่องเคียงที่ให้มาอย่างถั่ว+ปลาแห้ง แล้วใส่ซอสที่ให้มาหน้าตาคล้ายๆน้ำพริกเผา ออกมาอร่อยเลย
เปิ้ลสั่งชุด Kaya Toast + ไข่ลวก ราคา 11.40RM มันคือขนมปังปิ้งแบบกรอบๆมากๆ ด้านในเป็นสังขยา อร่อยลงตัวดี แต่เปิ้ลติดใจไข่ลวกมาก เดินไปสั่งมาเบิ้ลอีกตะหาก … แอบสงสัยนิดๆว่า “คุณนายครับ ไข่ลวก 7-11 ก็มีเหมือนกันเลย ติดใจอัลลัยขนาดน้านนน 😆 ” ส่วนเครื่องดื่มเป็น White Milk Tea & Hazelnut White Coffee รสชาติงั้นๆล่ะ เราว่าเราเฉยๆกับบรรดาเครื่องดื่มของที่นี่แฮะ
ได้เวลาก็ขึ้นเครื่อง คราวนี้ไม่มีดีเลย์ อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องเป็นไก่กับปลา รสชาติทั่วๆไป การบริการของสายการบิน Malaysia Airline นี่ถือว่าธรรมดาๆ ไม่ดีไม่แย่ ถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าโอเคมาก ดีกว่าบิน Low Cost แน่ๆล่ะ ว่าแต่หลังจากโด้ปไข่ลวกไป 4 ฟอง คุณนายเปิ้ลเกิดอาการพะอืดพะอมจนถึงเมืองไทย เป็นข้อควรระวังท่านทั้งหลายอย่าโด้ปไข่แล้วไปขึ้นเครื่องบินนะจ๊ะ
สุดท้ายก็ถึงสุวรรณภูมิตามเวลา ปิดไปอีก 1 ทริปแบบชิลๆ เราชอบทริปแบบนี้นะ ไม่ต้องมาเครียดว่าจะต้องรีบตื่น คอยทำเวลาว่าวันนี้ต้องไปไหนบ้างให้ตรงตามแพลนที่วางไว้ เวลาเที่ยวมันก็ต้องผ่อนคลายสิ ไม่ใช่เครียด แต่ปัญหาหลักที่เจอในการไปเที่ยวทุกทริปคือกลับมานน.ขึ้น!!! คือนะ มันก็ไม่ได้ขึ้นทีละขีดสองขีด แต่ขึ้นที 2-3 โลเป็นอย่างต่ำ ทำให้ต้องกลับมาก้มหน้าชดใช้กรรมลดนน.ต่อทุกที แต่ก็ต้องยอม เพราะดันถือคติ “กินก่อน ลดทีหลัง” 😆
สรุป สำหรับมาเลเซีย เราว่าเป็นประเทศที่โอเคเลยในการไปเปลี่ยนบรรยากาศ ค่าครองชีพของเค้าไม่แพง บางอย่างถูกกว่าบ้านเราอีก สินค้า Fashion ที่นั่นก็ราคาถูก และคุณภาพดี ทำให้เที่ยว&shop ได้แบบกระเป๋าไม่ฉีก ส่วนอาหารการกินที่นี่ถือว่ามีหลากหลายเชื้อชาติมาก รวมทั้งอาหาร local ของเค้าเองด้วย มาเลเซียกับสิงคโปร์จะคล้ายๆกันในแง่ของอาหารการกิน เพราะอยู่ติดๆกัน แต่สิงคโปร์ค่าครองชีพสูงกว่ามาก ยังไม่รวมรร.ที่สิงคโปร์คืออย่างแพง แต่รร.ที่ KL นี่ไม่แพงเลย คือเราจะบอกว่ามาถ้าไม่คิดอะไรมาก จัดเป็นทริป กิน-shop-drink ที่ KL แบบ no plan อื่นยังได้ เพราะค่าตั๋วเครื่องบิน Malaysia Airline + รร. ทั้งหมด 3 คืน รวมแล้ว 12,316 เฉลี่ยคนละไม่ถึง 6,200 บาท นี่คือแบบบิน Full Service + เลือกรร.ดีๆ ถ้าบิน Low Cost + รร.ลดระดับมาหน่อย ก็ถูกกว่านี้ ค่าเดินทางทั้งรถ Bus / รถไฟ / Taxi ก็ไม่แพง ส่วนอาหารการกินปรับเปลี่ยนได้ตาม Budget ถ้ากินง่ายๆนี่คือถูกมาก แบบร้านข้าวแกงเมืองไทยก็มี ถ้าใครยังไม่เคยไปก็แนะนำว่าให้ลองไปสักครั้งดู สำหรับเราทริปนี้เป็นอีกทริปที่ประทับใจเลยนะ
These beautiful places of interest and dishes are called specialties of the world, through this image I love your country very much.