Trip นี้เกิดขึ้นแบบไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะไป พอดีเจอตั๋วนกแอร์แบบไม่แพง เลยกดจองไปซะงั้น แล้วพอวันรุ่งขึ้นหัวหน้าก็บอกว่าอาทิตย์ก่อนหน้านั้นให้เราไปทำงานที่เวียดนาม 2 งานช่วงนั้นพอดี เลยกลายเป็นว่าเลือกช่วงไปเที่ยวทริปนี้ได้โหดมาก เพราะกำหนดบินคือ 31 Aug – 4 Sept 2015 อยู่ฮานอย พอวันที่ 5-7 Sept ก็ไปเที่ยวเชียงราย พอ 9-12 Sept ก็บินต่อไปประชุมที่โฮจิมินห์อีก เป็นครึ่งเดือนที่เดินทางได้อย่างเมามันส์จริงๆ

5 Sept 2015

ทริปนี้เริ่มจากสนามบินดอนเมือง ปกติเวลาบินที่นี่เราจะกิน Mc Donald ทุกทีให้ตายสิ แต่ครั้งนี้เปิ้ลบอกว่าอยากลอง Magic Food Court ที่นี่ตามที่เคยเห็นใน Review Pantip ก็จัดไปเลย หลังจาก Check-in กระเป๋าเรียบร้อยก็ต้องเดินยาวๆไปอีกอาคารนึง แล้วกดลิฟต์ไปที่ชั้นล่างสุด พอเดินออกมานิดนึงก็จะเจอละ อาหารและราคาก็เหมือน  Food Court ตามห้างทั่วๆไป เห็นคนมาทานกันเรื่อยๆ ทั้งนักท่องเที่ยวและแอร์ ส่วนรสชาติก็ถือว่าใช้ได้เลยMagic Food Court ดอนเมือง

เครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงตอนบ่ายๆ เราจองรถกับ Avis มาก่อนละ หลังๆเราจองกับเจ้านี้ online ตลอด เพราะ rate จะได้ถูกกว่า อย่างครั้งนี้เช่า 2 วัน (สามารถคืนช้าได้อีกไม่เกิน 4 ชม.) จ่ายไป 1,060 บาทเอง แต่เราซื้อประกันชั้น 1 เพิ่มเข้าไปอีก 2 วันก็ 428 บาท แต่แบบว่าถ้าเอาประกันพื้นฐานก็จ่ายไปแค่ 1,060 บาท ถูกมากกกกก แต่เรทนี้ต้องจองล่วงหน้าสักหน่อยนะ ถ้าจองใกล้วันเดินทางจะอีกเรทนึง

ที่แรกที่จะไปเลยคือวัดร่องขุน เป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยถ้ามาเชียงราย เสียดายที่ตัววัดเสียหายจากที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ไปก่อนหน้านี้ และกำลังบูรณะอยู่ แต่พอเห็นก็ยังรู้สึกทึ่งในความสวยของวัดนี้อยู่ดีวัดร่องขุน เชียงราย

ออกจากวัดไปต่อกันที่ไร่บุญรอด (Singha Park) ที่นี่กว้างมากกก มีสัตว์ต่างๆให้ดู และที่ให้เช่าจักรยานขี่เล่นด้วย ตอนแรกว่าจะเช่าขี่ซะหน่อย แต่ตอนเราไปถึงก็เย็นละ คอกสัตว์ปิด แถมฝนกำลังจะตก จริงๆที่นี่ถ้ามาก่อน 4 โมงเย็นจะมีรถรางทัวร์ด้วย แต่มาไม่ทัน สรุปเลยเปลี่ยนแพลนไปนั่งจิบเบียร์ชมวิวที่ห้องอาหารภูภิรมย์แทนละกัน >_< บรรยากาศที่นี่ชิลล์ดี อาหารอร่อย แถมมีวงดนตรีคลาสสิคมาเล่นให้ขอเพลงได้ถึงโต๊ะซะด้วยSingha Parkห้องอาหาร Bhubhirom

นั่งอยู่ที่ร้านอาหารจนค่ำ ยุงเริ่มมาละ ก็ไปดีกว่า เพราะยังไม่ได้ Check-in โรงแรมเลย ครั้งนี้เลือกเป็นโรงแรมน่ารักๆ ชื่อบ้านลมหนาว เจ้าของอัธยาศัยดี ห้องก็น่ารักดี ติดที่เตียงแข็งไปหน่อย ^^” แต่นอกจากที่นี่จะราคาไม่แพง ห้องดูดีแล้ว ยังอยู่ใกล้ๆกับ Pub/Club/ร้านเที่ยวกลางคืนต่าง หลายที่ด้วย ใครเน้นมาเฮฮานี่ ทำเลนี้ใช้ได้เลย ออกทะลุซอยไปไม่ไกลก็เป็นเซ็นทรัลเชียงรายละ (แต่เดินไม่ได้นะ ต้องขับรถ)

Check-in เรียบร้อยเราก็ไปเดินเล่นถนนคนเดินหาของกินต่อดีกว่า ขับรถออกไปราวๆ 2-3 Km ก็ถึง ถนนคนเดินที่นี่ถือว่ายาวใช้ได้เลยนะ แต่ชอบที่เชียงใหม่มากกว่า ทั้งของขายและของกิน แต่ก็เดินเล่นได้เพลินๆ ของกินก็ใช้ได้เลย เดินเสร็จก็ทำเอาอิ่มไปเลยถนนคนเดินเชียงราย

เดินเล่นจนดึกๆก็กลับไปพักเอาแรงที่โรงแรมละ พรุ่งนี้มีโปรแกรมติดๆกันทั้งวัน ต้องเก็บแรงไว้บ้างไรบ้าง

6 Sept 2015

ก่อนออกเดินทางตามโปรแกรมวันนี้ ขอหาอะไรรองท้องก่อน เริ่มจาก search จาก wongnai แล้วก็มาเจอร้านกาแฟรถเหลือง ที่อยู่ตรงหอนาฬิกา ว่าน่าสนใจดี ร้านนี้จะเป็นสไตล์รถ Truck แบบที่กทม.กำลังฮิต ขายหลักๆก็ขนมปัง ไข่ลวก ไข่กระทะ ปาท่องโก๋ และเครื่องดื่ม ทางร้านจะมีโต๊ะให้นั่งกินกันข้างทางเลย แนวมาก ส่วนรสชาติก็อร่อยเลย ได้บรรยากาศ มีน้ำชาร้อนให้ฟรีทุกโต๊ะ ราคาก็ถูกมาก พี่เจ้าของร้านพอทำ order ให้ลูกค้าเสร็จยังมีมาเล่นกีต้าร์ร้องเพลงให้ลูกค้าที่นั่งกินอยู่ฟังด้วย แนวสุดๆอ่ะ 555กาแฟรถเหลือง

รองท้องเรียบร้อย ออกเดินทางเลย ที่หมายแรกของวันนี้คือไร่ชาฉุยฟง ทางขึ้นไร่ชาต้องไปจากถนนหลักค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ตัวไร่ชากว้างมากกกกกก ตอนไปถึงก็เที่ยงๆแดดกำลังแรงจัดเลย เลยถ่ายรูปเร็วๆรัวๆแล้วก็ชิมขนม & เครื่องดื่มซะหน่อย เอาจริงๆรสชาติเฉยๆมากนะ แต่วิวดีไร่ชาฉุยฟง

เดินทางกันต่อไปที่จุดหมายที่ 2 คือวัดพระธาตุดอยตุง ที่อยู่เลยดอยตุงขึ้นมาอีก 10 กม. ตอนไปถึงทางขึ้นไปไหว้พระธาตุเค้าทำทางอยู่ เอารถใหญ่ไปไม่ได้ เราเลยต้องจอดรถไว้แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์กันขึ้นไป ถนนตอนพื้นดินเปียกๆนี่โหดอยู่เหมือนกัน แต่ก็ขึ้นไปถึงได้แบบไม่มีปัญหาอะไร พอพวกเราไหว้พระธาตุกันเสร็จ ฝนก็เทกันลงมาเลย นั่งมอเตอร์ไซค์ฝ่าฝนกันลงมายังกะทำมิวสิค 🙄  กลับมาถึงลานจอดรถด้วยสภาพเป็นลูกหมาตกน้ำ ต้องซื้อเสื้อยืดตรงนั้นเปลี่ยน กลายเป็นได้เสื้อยืดดอยตุงมาเป็นของที่ระลึกไปซะงั้น laughวัดพระธาตุดอยตุง

ดูๆแล้วฝนท่าทางจะไม่เลิกรา เลยเปลี่ยนแพลนไม่เข้าไปดอยตุงละ เพราะไปเดินเที่ยวท่ามกลางสายฝนคงจะไม่สนุกเท่าไหร่ ถ่ายรูปก็ยาก เลยตรงดิ่งไปแม่สายกันเลยดีกว่า แต่พักเบรคกินข้าวบ่ายแก่ๆกันที่ร้านจันกะผัก ก่อน วัตถุดิบร้านนี้สดมาก ที่สั่งมาอร่อยทุกอย่างร้านจันกะผัก

ออกจากร้านจันกะผักก็ตรงดิ่งไปด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็กกันเลย ก่อนไปหาที่จอดรถต้องแวะทำหนังสือผ่านแดนก่อน ใช้แค่บัตรประชาชนกับเงิน 30 บาท/คน บวกเวลาประมาณ 15 วินาที ก็เสร็จเรียบร้อยสถานที่ออกหนังสือผ่านแดน

ณ เวลานั้นประมาณสี่โมงกว่าๆละ รู้มาว่าด่านขยายเวลาทำการ และจะปิดราวๆ 2-3 ทุ่ม พอข้ามมาฝั่งพม่าเราเลยจ้างสามล้อพาเที่ยวแถวๆนั้นก่อน ราคาสามล้อเหมาเที่ยว 3 ที่ 150 บาทด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก

วัดพระเจ้าระแข่งวัดพระเจ้าระแข่ง

ชเวดากองจำลอง ที่นี่จะมีเด็กพาเราเดินทัวร์รอบชเวดากอง คอยกางร่ม ถ่ายรูปให้ พร้อมอธิบายวิธีการและขั้นตอนต่างที่ต้องทำ ด้านในมีให้กราบสักการะหลวงพ่อทันใจ น้องพม่าบอกว่าให้ขอได้แค่ข้อเดียวเท่านั้นนะคะ เลยขอให้รวยสักร้อยล้านในปีหน้า ถ้าได้จริงจะบินกลับมาแก้บน เอ หรือขับ Benz กลับมาแก้เลยดี อิ อิ อิ  :mrgreen:ชเวดากองจำลอง

วัดพระหยกขาววัดพระหยกขาว

เที่ยว 3 ที่เสร็จเกือบๆ 17:30 ละ ก็ให้สามล้อกลับมาส่งที่ท่าขี้เหล็ก กะว่าจะเดิน shopping กันต่อ แต่พอไปถึงปรากฏว่าร้านเก็บกันจะหมดแล้ว!! เออแบบว่าด่านปิด 2-3 ทุ่มก็จริง แต่ร้านค้าก็ดันปิดกันเวลาเดิมๆ เซ็งแพร๊บบบ สุดท้ายเลยได้วิ่งเข้าร้าน DVD ใหญ่ที่กำลังจะปิด คว้า Series Toriko พร้อมกล่องมาได้ในราคา 17 แผ่น 170 บาท, Mp3 6 แผ่น 100,  ส่วนเปิ้ลก็ได้ Series เกาหลีไปหลายเรื่อง ราคาแผ่นที่นี่ถูกมากจริงๆน่ะล่ะ (แต่แผ่น mp3 ที่ซื้อมานี่คุณภาพห่วยแฮะ เพลงที่เอามาใส่ หลายๆเพลงไม่ใช่ original เหมือนไปอัดมาจากวิทยุซะงั้น  🙄 )

ร้าน dvd ท่าขี้เหล็ก

หลังจากท่าขี้เหล็กไม่มีอะไรให้เดินดูแล้วก็ข้ามกลับมาเดินเล่นต่อฝั่งแม่สาย ระหว่างเดินข้ามด่าน แวะ Duty Free สักนิด ราคาแอลกอฮอล์ที่นี่ถูกจริงๆแต่ขี้เกียจขนกลับ เลยซื้อ Hoegaarden แบบขวดเดินจิบกันกลับแม่สาย ถูกจัดขวดละ 50 บาทเอง ในกทม.มีขายเหมือนกันตาม Super / Big C แต่ขวดละ 150  ก่อนกลับก็แวะถ่ายรูปกับป้าย “เหนือสุดยอดแดนสยาม” อีกสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง  :mrgreen:

เหนือสุดยอดแดนสยาม

ออกจากแม่สายก็ตรงดิ่งกลับเข้าตัวเมืองกันเลย คืนนี้มี target ว่าอยากหาร้านนั่งฟังเพลง จิบเบียร์ชิลๆ สุดท้ายมาจบลงที่ร้านบ้านเบียร์สด อยู่ในซอยของโรงแรมนี่เอง วงเล่นดี อาหารอร่อย น้องเชียร์เบียร์เพียบ 555++บ้านเบียร์สด

7 Sept 2015
วันนี้ไม่มีแพลนอะไรมากมายละ ตื่นสายๆ Check-out ออกจากโรงแรมแล้วตั้งใจว่าจะไปทานข้าวเที่ยงกันที่ชีวิตธรรมดา ระหว่างทางไปฝนก็ดันเทกระจาดลงมาซะงั้น แถมพอไปถึงที่ร้านกลายเป็นว่าร้านเต็ม คิวยาวมาก เด็กที่ร้านบอกว่าคงต้องรอราวๆครึ่งชม. เลยเปลี่ยนแพลนไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านหลู้ลำ ร้านนี้จะอยู่ริมน้ำกก เป็นร้านอาหารแนวพื้นบ้าน ที่สั่งมาแบบไม่ค่อยพื้นบ้านอร่อยมากทุกอย่างหลู้ลำ

กินข้าวเที่ยงอิ่ม เราก็เลยหาที่ฆ่าเวลากันซะหน่อย ด้วยการไปนั่งแช่น้ำร้อนที่ น้ำพุร้อนโป่งพระบาท ที่นี่จะมีทั้งแบบ outdoor ที่นั่งแช่เท้าได้ฟรีๆ หรือใครอยากแช่ทั้วตัวก็เช่าห้องได้ แถมมีนวดแผนไทยด้วยแฮะ แต่พอดีเรากะมาฆ่าเวลาไม่นาน เลยไปนั่งแช่เท้าเล่นๆกันอยู่สักครึ่งชม. แช่ไปดูหนังจาก ipad ไปเพลินๆ เท้าเบาไปเลย แจ่มจริงแฮะ ครั้งหน้าคงต้องมาลองแช่ทั้งตัวดูบ้างว่าไอ้ที่ปวดหลังๆบ่อยๆมันจะดีขึ้นมะน้ำพุร้อนโป่งพระบาท

ออกจากน้ำพุร้อนก็ดิ่งไปกินของหวานต่อที่ร้านชีวิตธรรมดาอันแสนโด่งดังกันเลย เราโทรจองโต๊ะมาก่อนออกจากน้ำพุร้อนฯด้วยเพราะกลัวเต็มอีก แล้วก็ดีที่โทรจองเพราะตอนไปถึงโต๊ะเต็มอีกละ (วันจันทร์ ช่วงบ่ายสองกว่าแล้วเนี่ยะนะ!) ร้านนี้อยู่ติดริมน้ำกกเหมือนกัน วิวแจ่มมาก เมนูน่ากินไปทุกสิ่งอย่างแต่เพราะพวกเราอิ่มกันอยู่ เลยจัดได้แต่ของหวานนะ แต่ที่สั่งมาทุกอย่างวันนี้อร่อยน้ำตาไหล ร้านนี้สุดยอดจริงทั้งบรรยากาศและรสชาติ ไม่แปลกใจเลยที่คนเต็มตลอดเวลาขนาดนี้

ชีวิตธรรมดา
ออกจากชีวิตธรรมดาเราก็ดิ่งไปคืนรถที่สนามบินเตรียมขึ้นเครื่องกลับกทม.ได้ตามเวลาพอดี ทริปนี้ก็เหมือนทริปอื่นๆคือเน้นกินๆๆจนพุงกลม ลำบากตอนกลับมาถึงกทม.แล้วนี่แหล่ะ ว่าจะ burn ทุกสิ่งอย่างที่กินเข้าไปยังไงดี -_-
การเดินทางของเดือนนี้ยังไม่สิ้นสุด กลับไปได้พัก 1 วันแล้ววันที่ 9 ก็ต้องบินไปประชุมที่โฮจิมินห์อีก 4 วัน ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าจริงๆ แต่ก็สนุกดี 😉
Comments